Health & Fitness

ทำไมหลังมีลูก แม่เราตั้งความหวังกับเรามากกว่าเดิม? เครียดปรี๊ดทุกทีเลยยยยยย



ผู้หญิงเริ่มตั้งแต่ตั้งท้อง จะเต็มไปด้วยความกลัว และในความกลัวนั้น คนที่ช่วยให้อุ่นใจที่สุด คือแม่เรา คนเดียวเท่านั้นในโลกที่เราอยากอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา แต่ถ้าแม่เราเอง กลับทำให้เราเครียดหนักกว่าเดิม จะทำยังไงดี?

 

แม่ คือมนุษย์แม่ คือเป็นอีกสายพันธุ์ที่แตะต้องไม่ได้ แตะปุ๊บ ช้อตปั๊บเลย และแม่กับลูกสาวนี่ล่ะ ตัวเจ็บล่ะ มันส์หยดกันตั้งแต่เด็กจนโตมีลูก คือขนาดเป็นแม่คนแล้ว แม่กับลูกสาวก็ยังเข้มข้นกันอยู่ แม่จะปักใจเลยว่า ลูกต้องเจ๋งกว่าแม่ให้ได้ ตอนเป็นเด็กเราก็ยังพอใช้ความเด็กปะทะแม่ได้ “ก็หนูเด็กอยู่ หนูไม่รู้หนิแม่” แม่ยังมีสายตาของความเอ็นดูมองเรามาอยู่ แต่พอเราเลย 35 ปั๊บ งานเข้าทันที! สายตาเอ็นดูนั้นหายไป เปลี่ยนมาเป็นสายตาอยากจะดูเอ็นเราจริงจริ๊งงงงง เธอจะทำได้ซักแค่ไหน? เธอจะเป็นแม่ได้ดีซักแค่ไหน?

 

โอเค อันนี้เราไม่พูดถึงคุณแม่ที่เข้าใจลูกทุกสิ่งในโลก อันนั้นคุณก็จะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความทุกข์เรื่องแม่ใดๆ แต่จะมีแม่อีกมากเลย ที่ตั้งสกีมความเพอร์เฟ็คท์ให้ลูกแบบสูงมาก ที่แฝงมาในรูปของ “แม่รักลูก” ในใจลึกๆ แต่ไม่แสดงออก แม่ๆ เหล่านี้จะมีอะไรบางอย่างที่คล้ายๆ กัน คืออาจเป็นผู้หญิงดูแลครอบครัวมาแต่รุ่นๆ เป็นคนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ใจเร็ว ทำอะไรเร็ว รู้ค่าของเงิน สู้จากศูนย์จนมีเงินอยู่ได้สบายๆ แม่แบบนี้จะรับภาระหนักมากมาหลายสิบปีเลย ก็เลยจะมาพ่วงด้วย ความอยากเห็นทุกคนได้ดี ไม่มีวันปล่อยวางแน่นอน เลยอยากให้ลูกสาวที่มีลูกแล้วอยู่ตอนนี้ ลองมามองมุมแม่ และเข้าใจหัวใจเค้าก่อน แล้วเราจะรู้ว่าต้องรับมือกับแม่ของเรากันยังไง

 

แม่สุดเป๊ะแบบนี้ เธอเป็นคนที่เห็นอะไรขวางหูขวางตา จะปะทะทันที ขอกราบเลยว่า ถ้าคุณมีแม่แบบนี้ ความจริงต้องยกให้เธอเป็นคุณแม่ที่กล้าปะทะกับความกลัวในหัวใจแม่นะ เพราะตั้งแต่ลูกเกิด เราจะมีความรู้สึกอย่างหนึ่งคือ “กลัวลูกไม่รัก” เราเลยมีความใจอ่อนแทรกแซงเข้ามาตลอด เวลาลูกอยากได้อะไร คำว่า “สปอยล์” เกิดขึ้นจากตรงนี้เลย เรากลัวว่าถ้าไม่ให้ลูก ถ้าไปดุเขา ถ้าฝืนเขา เขาจะพูดว่า “ไม่รักแม่แล้ว” และสิ่งนั้นเราจะรับไม่ได้ แต่แม่สุดเป๊ะจะไม่เป็น เธอเป็นแม่ที่รักลูกมาก จนกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ไม่สนว่าลูกจะรักหรือไม่รัก แต่แม่รักลูกพอ ที่จะต้องห้ามลูกในสิ่งที่แม่เห็นว่าไม่ถูกต้อง แม่สุดเป๊ะหลายๆ คนสามารถทนเห็นลูกตั้งแต่ 2 ขวบยืนร้องไห้นานเป็นชั่วโมง เป็นเพราะลูกจะให้แม่เก็บของที่ทำหล่นให้ และแม่ไม่เก็บ! แม่เลือกที่จะใช้ความไม่มีเหตุผลของลูกนี้ ดัดนิสัยลูกโหดๆ แบบนี้ล่ะ เพื่อให้ลูกรู้ว่า “กับแม่ อย่าหือ” ผลคือ สุดท้ายใจใครแข็งกว่า คนนั้นชนะ มองในมุมแม่ มันยากมากนะ ที่จะเห็นลูกร้องไห้จนตัวสั่น สะอื้นฮักๆ แบบนั้นได้ แม่ต้องต่อสู้กับตัวเองมากทีเดียว และหนึ่งประโยคที่แม่ต้องกลืนน้ำตาตัวเองคือ “ถ้าเรายอมลูก เขาจะนิสัยเสีย” เคยเห็นเพื่อนคนหนึ่ง ทำแบบนี้กับลูก และเห็นเขาแอบเดินเข้าห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจก เดินออกมาด้วยแววตาเหนื่อยล้า และหายใจลึกๆ ปั้นหน้า กลับไปที่ลูกอีกครั้ง ดูก็รู้ว่าเขาพร้อมจะถลาไปกอดลูก มากกว่าพยายามอดทนให้ลูกยอม

 

นี่คือสิ่งแรกที่แม่สุดเป๊ะสอนลูกตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม “แม่จะทำให้ดีที่สุด ให้หนูเป็นคนที่ดี” หลังจากนั้นลูกโตขึ้นๆๆๆๆ ยิ่งพูดรู้เรื่องมากขึ้น ยิ่งดื้อขึ้นๆ ลูกเริ่มจับทางแม่ได้ การไม่ยอมของแม่ เริ่มถูกต่อต้านด้วยการดื้อเงียบของลูกบ้าง หรือระเบิดลงไปเลย ทะเลาะกันบ้านแตกบ้าง หรือสงครามเย็นไปเลยบ้าง ดีกรีความร้อนในใจของลูกจะเพิ่มขึ้นๆ ลูกสาวจะเริ่มคิดว่า “แม่ไม่เข้าใจเลย” “ทำไมเราทำอะไร ก็ไม่เห็นจะดีในสายตาแม่” “เราตั้งใจเรียนแล้ว แม่ก็ยังว่า” และอีกมากมายในความคิดลูก ที่ทั้งหมดกลายเป็นความปวดร้าวในใจลูกได้มาก เพราะสิ่งที่ปักหัวใจลูกสาวที่สุดในชีวิต คนที่ทำให้เธอต้องร้องไห้มากที่สุด ก็คือแม่ เพราะอะไร ก็เพราะหัวใจของลูกสาวน่ะ ความจริงคือเปราะบาง เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ต้องการการคอนเฟิร์มความรักตลอดเวลา และแม่คือคนเดียวในโลกที่เธอโผหาตั้งแต่แรกเกิด เมื่อโดนแม่ว่าบ่อยๆ ก็เลยน้อยใจกับตัวเองมากๆ

 

แม่เองก็ไม่ยอม กลับยิ่งคิดว่า ลูกโตแล้ว ทำไมยังทำแบบนี้ ทำไมยังคิดไม่ได้นะ สอนเท่าไหร่ทำไมไม่ทำ แม่จะยิ่งตั้งความหวังว่าลูกต้องเก็ทสิ ก็ลูกโตแล้ว มันส์เลย คราวนี้แม่มีอะไร วาจาจะเชือดเฉือนหนักกว่าเดิม มีทั้งคำสอน คำสั่ง คำประชดประชัน รวมถึงคำพูดที่ตรงจี๊ดกลางหัวใจลูกสาว แสดงผลมาที่การเลือกคู่แต่งงาน ลูกสาวหลายๆ คนเลือกผู้ชายในแบบที่รู้ว่าแม่คงชอบ และลูกสาวหลายๆ คนดื้ออีกเฮือกกับแม่ เลือกผู้ชายในแบบตรงข้ามกับที่แม่ชอบ และเมื่อมีลูก…. ตอนนี้ล่ะที่แม่จะลุกขึ้นมาอินชาร์จเต็มๆ อีกครั้ง

 

คนที่แม่ลุกขึ้นมาปล่อยแสงกับลูกสาวหลังมีลูก ความจริงน่าดีใจนะ เพราะด้วยความที่แม่อายุมากขนาดนั้น พลังและสังขารมันร่วงมากจริงๆ ขนาดเราเองสี่สิบต้นๆ ยังรู้สึกเลยว่า ร่างกายฮวบหนักแม่ แล้วแม่ล่ะ? แม่ยังไหวได้แปลว่าอะไร แปลว่าแม่กำลังจะใช้ความรักทั้งหมดในหัวใจ ช่วยดูแลลูกอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูก อยากรู้ว่าแม่รักเรามากมั้ย ให้ดูตอนที่ลูกเราเกิดเลย แม่จะสามารถทนสังขารตัวเอง อุ้มลูกน้อยของเราในอ้อมแขนได้นานเป็นชั่วโมงๆ เพื่อรอให้เรานอนหลับให้พอ แม่จะตื่นตีสี่ เพื่อมาเตรียมอาหารเช้าให้ลูกเรา และแม่จะปลุกเรากลางดึก ให้ลุกขึ้นมาให้นมลูก ทั้งหมดนี้คือยากมากที่จะทำได้ แต่แม่เราทำได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคืออะไร อินเนอร์แม่ขนาดนี้แล้ว ปากแม่ก็จะตามมาด้วย อะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่แม่คิดว่าดี แม่จะพูดทุกเม็ด เพราะแม่ยอมไม่ได้ ที่จะให้สิ่งนี้กระเด็นไปหาเด็กน้อยที่เป็นผ้าขาวแบบลูกเรา แม่จะเปล่งออร่าความเป็นแม่เต็มพิกัดอีกครั้ง!!!!

 

นั่นแปลว่า คำพูด และการกระทำของแม่ จะมากระทบจิตใจของลูกสาวแบบแค่หมัดฮุคก็มีน็อคได้เลย เพราะเมื่อลูกสาวได้เป็นแม่คน มันคือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หัวใจก็ต้องมีความอ่อนไหวที่สุดอยู่ ตอนนี้ล่ะเมื่อมีอะไรมากระทบ หัวใจพร้อมจะพังทลายลงทันที ถ้าลูกสาวได้ยินประโยคอย่าง “ทำไมเธอต้องซื้อของแพงๆ พวกนี้ให้ลูกด้วย” “จะให้ลูกรีบเข้าโรงเรียนทำไม” “อย่างเธอน่ะ จะไหวเหรอ” “เธอคิดว่าเธอทำดีแล้วเหรอนี่ หึๆๆ มันไม่ดีพอหรอกนะ” อะไรแบบนี้นี่ถึงขั้นว่า อยากจะวิ่งไปให้รถชนเลยล่ะ มันจะพีคในใจลูกสาวมาก เพราะอะไร? เพราะการมีลูก และถ้ายิ่งต้องเลี้ยงลูกเองด้วยล่ะก็ งานก็ต้องทำอีก จะยิ่งเพิ่มความกดดันในใจแบบคูนสามร้อยแรงม้า แค่ลูกตัวเล็กคนเดียว ก็ต้องอดทนหนักมากแล้ว พอหูได้ยินเสียงแม่เจื้อยเข้ามาเท่านั้นล่ะ พลังงานด้านลบถูกปล่อยจากปากทันที กลายเป็นการกระทบกันที่ทรงพลังกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตแม่ลูก

 

สิ่งที่เกิดกับทั้งแม่และลูกสาว คือความเซนซิทีฟในใจนั่นเอง เกิดความห่างเหินทีละเล็กๆ ลูกก็ไม่อยากทะเลาะกับแม่ รู้ว่าแม่รัก แต่ก็ยังเอาตัวไม่รอด เลยใช้วิธีค่อยๆ ห่างแม่ละกัน จากที่พาลูกไปหาแม่วันเว้นวัน ก็เปลี่ยนเป็นอาทิตย์ละครั้ง สองอาทิตย์ครั้ง หรือเดือนละครั้งไปเลย แม่ก็ยิ่งน้อยใจ น้อยใจไม่โทร.ด้วย เก็บกดไว้ในใจ จนถ้ามีโอกาสได้คุยกับลูก คราวนี้ล่ะคำพูดที่เก็บไว้ทั้งหมด จะถูกงัดออกมาใช้งานอีก ยิ่งทำให้ลูกคอนเฟิร์มเลยว่า “เรากับแม่ อย่าเจอกันบ่อยๆ ดีกว่า”

 

ใจคนมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เพราะแม่ก็แก่ลงทุกวัน และเราก็รู้ดีว่าความจริงเรารักแม่มากๆๆๆๆ ความรู้สึกผิดลึกๆ จะเกิดขึ้นอีก รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้กับแม่ โทษตัวเองว่าทำไมเราไม่อดทนนะ ทำไมเราต้องของขึ้นด้วย? แม่ทำอะไรให้เราตั้งเยอะ ทำไมกับแม่เราเป็นแบบนี้ ทีกับเพื่อนเรางี้พูดจาดี แต่แม่เราล่ะ? ก็จะเกิดเหตุการณ์เหมือนงูกินหางอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

 

ทำไงดี? อยากเคลียร์ตัวเอง อยากเคลียร์กับแม่ อยากให้แม่มีความสุขที่สุด นึกถึงคำพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่เคยสอนเราเรื่องแม่ ตอนนั้นเครียดที่แม่ไม่ปล่อยวางมาก เลยถามพระอาจารย์ว่าจะทำยังไงดี ท่านบอกว่า “ลองไปยกโต๊ะตัวนั้นดูสิโยม” เราก็เดินไปยก แต่ยกไม่ได้ มันหนักมาก “เป็นไง หนักมั้ยโยม ยกไม่ได้ใช่มั้ย” แล้วพระอาจารย์ก็ยิ้มๆ บอกว่า “ยกไม่ได้ ก็วางไว้ตรงนั้นแหละโยม” โอ้!! ตบฉาดกับตัวเองอย่างแรงทันที พระอาจารย์หมายถึง มนุษย์แม่ ยังไงก็คือมนุษย์แม่ อย่าคิดไปเปลี่ยนท่านเลย ท่านใช้ชีวิต ท่างเลี้ยงเรามาขนาดนี้ ยากเหมือนยกโต๊ะนั่นล่ะ ถ้าคิดจะเปลี่ยนท่าน

 

พระอาจารย์สอนต่อว่า ให้หาอะไรที่แม่เคยทำแล้วมีความสุข มาให้แม่บ้าง เพราะพอเรามีลูก คนแรกที่เราลืมก็คือแม่ เรามัวแต่โฟกัสที่ลูกของเรา และมีประโยคในใจตัวเองตลอดว่า “ลูกเรามาก่อน” จนเราลืมไปว่า ช่วงเวลาที่เลี้ยงลูก ก็คือช่วงเวลาที่อายุแม่ร่วงโรย เราต้องดูแลแม่ด้วยเหมือนกัน และใครที่มีแม่ยอมเหนื่อยมาช่วยดูแลลูกเราล่ะก็ คนๆ นั้นโชคดีมากๆ คำพูดต่อว่าเราของแม่ รุนแรงเหลือเกินก็จริง แต่ให้ถือว่าคือน้ำทิพย์ขมนิดๆ ที่เรายังคงมีโอกาสได้ยิน น้ำทิพย์มาในรสชาติแบบไหนก็ได้ แต่น้ำทิพย์ก็ยังคือน้ำทิพย์ มองทะลุให้ไปถั้งขั้วหัวใจของแม่ ทำยากอยู่ แต่ฝึกไปเรื่อยๆ ปะทะไปเลย อย่าหลบหน้าแม่จนรู้สึกผิด ก็จะค่อยๆ รับมือได้ และจะผ่อนคลายขึ้นเอง ท่องไว้ว่า “เราโชคดีเหลือเกิน ที่แม่ยอมเหนื่อยลุกขึ้นมาช่วยเรา และยังคงสอนเรา” เป็นการมองโลกสวยก็จริง หลอกตัวเองบ้าง แต่แลกกับแม่ที่ไม่ต้องความดันขึ้น ก็โอเคนะ

 

เพราะแม่บางคน สิ่งที่ดีที่สุดที่ทำให้ลูกได้คือ สอนลูกไปจนตาย สอนจนหมดจิตหมดใจ เศร้า เครียด น้อยใจกับคำพูดแม่เมื่อไหร่ ให้มองย้อนไปในชีวิตแม่แบบยาวๆ เห็นไหมว่าแม่มีแต่ทำอะไรเพื่อคนอื่น คนแบบนี้ล่ะปากจากเร็ว ปากจะแรงๆ หน่อย เพราะเขาไม่เคยให้เวลากับตัวเอง เขาเลือกที่จะดูแลแต่คนรอบตัว แม่แบบนี้ล่ะ ที่เมื่อไหร่ที่เสียงต่อว่าของแม่ลอยมา เราต้องหันไปยิ้ม และถ้ามีเวลาว่างๆ ละอีโก้ ละทุกความเก็บกด ความน้อยใจในหัวใจ แล้วก้มลงกราบเท้าแม่ให้นิ่ง ให้นานหน่อย เงยหน้าขึ้นมาสบตาแม่แล้ว “หนูขอบคุณจากใจ กับทุกสิ่งที่แม่ทำให้หนูนะคะ” “หนูขอโทษ ถ้าหนูทำให้แม่เสียใจนะคะ” “หนูจะพยายามเป็นแม่ที่ที่ของลูก เหมือนกับที่แม่ทำให้หนูดูมาตลอดชีวิต” ปะทะกับความกลัวในใจที่ไม่กล้าทำอะไรอย่างนี้กับแม่ ปะทะไปเลย

 

ทำบ่อยๆ ก็ได้ ความเก็บกดจะถูกละลายไป ทำให้ลูกเราเห็นเลยว่า “แม่รักยายมาก” และ “ยายรักแม่ที่สุด” เพราะในที่สุด ลูกของเราคือคนที่จะได้รับความรักเต็มๆ จากแม่ และยาย

 

ขอให้หัวใจอ่อนโยนพอที่จะฟังคำพูดเจ็บจี๊ดของแม่ กลายเป็นน้ำทิพย์ให้ชีวิตเราให้ได้นะคะ

 

ปล. ถ้าเก็บกดมาก ของขึ้นปรี๊ดไม่รู้จะทำยังไงดี เดินหนีเลย เดินช้าๆ เรื่อยๆ
สักแป๊บ ทุกอย่างจะลงมาได้ค่ะ มีขึ้นก็ต้องมีลงค่ะ

 

With love,
momscream

28 November, 2016
Health & Fitness