Lifestyle

เอายังไงดี? ถ้าพ่อเทพบุตรสามีไม่เคยช่วยเรื่องเงินซักอย่าง



ปัญหาชีวิตคู่สุดคลาสสิคตลอดกาลที่เราได้แต่กลอกตามองบนทุกวันกับสามีผู้ไม่เคยหันมารับผิดชอบชีวิตคนในครอบครัวเลย หลายคนถามว่า อ้าว แล้วไปแต่งกับเขาทำไม ก็แหม ตอนคบกันเรายังไม่รู้เช่นเห็นชาติขนาดนี้นี่คะ ตอนนี้เลยได้แต่อึดอัดใจ อยากออกไปตะโกนให้ทุกคนรู้ว่าผู้ชายคนนี้ปล่อยให้อิชั้นเป็นหัวหน้าครอบครัวมาตลอดค่ะคุ๊ณณณณ เอาเป็นว่าเราเข้าใจและเห็นใจกับผู้หญิงทุกคนที่เจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ อ่านเรื่องนี้แล้วจะรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกหรอกนะ

 

จุดอ่อนของเราคือความโลกสวยมาโดยตลอด

กลับมาตอบคำถามว่าทำไมเราถึงตกลงใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ เพราะความกลัวในใจเราตั้งแต่ตอนคบกับเขาน่ะสิ เลยทำให้มองข้ามอะไรแปลกๆ ที่เราเชื่อว่าเห็นมาตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วล่ะ อย่างแรกเลยกลัวต้องเลิกกับเขา ก็เรารักเขามาก ถ้าเลิกแล้วจะขึ้นคานมั้ย อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เอาน่าช่วยๆ กันทำมาหากินหรือมีลูกน่าจะกระตุ้นให้เขาเป็นแฟมิลี่แมนมากขึ้น นั่นไง! คิดเอาเองอีกแล้ว ทำอะไรแบบไม่มองโลกความเป็นจริง สุดท้ายเจ็บเองตลอด ต้องเข้าใจก่อนว่าเพราะเราเป็นคนแบบนี้ไง รู้ถึงต้นตอเราจะซึ้งว่าผลเลยเกิดแบบนี้ ไม่ใช่ให้โทษตัวเองนะ แต่ต้องมีจุดนี้เอาไว้เตือนใจให้เราก้าวเดินต่อไปแบบเข้มแข็งและไม่ใจอ่อนซ้ำ

 

ดูใจคู่แท้ต้องดูตอนลำบากนี่แหละ

เมื่อถึงตอนที่เราเอารายรับและค่าใช้จ่ายทุกอย่างมากองตรงหน้า จดลิสต์ออกมาเลยว่าค่าใช้จ่ายฟิกซ์ประจำมีอะไรบ้าง และเราหาเงินมาได้เท่าไหร่ ถ้าไม่พอ เรามีทางหารายได้เสริมอีกมั้ย ค่าเทอมลูก ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ให้พ่อแม่เราเองอีกมั้ย ทีนี้เราจะรู้ว่าเราต้องใช้เท่าไหร่ ขาดอีกแค่ไหน แล้วหันไปคุยกับเขาเลยว่าพวกเราจะหาเงินยังไง หรือเขาจะช่วยแค่ไหน คนที่ทำงานทั้งสามีภรรยาก็ต้องบอกมาเลยว่าหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้วตรงกลาง เขาจะช่วยได้เท่าไหร่ หรือคนที่เป็นแม่บ้าน เขาจะให้เรายังไง เอาแบบให้เคลียร์ ดูว่าค่าใช้จ่ายไหนไม่ได้จำเป็น สาวๆ บางคนอาจจะโกรธที่แฟนไม่ซื้อแบรนด์เนมให้บ้างล่ะ อันนี้ไม่นับนะ คือเราประหยัดมากแล้วแต่สิ่งที่ต้องใช้จ่ายร่วมกัน หน้าที่ของเขาเท่าไหร่

 

เราอยากเล่าเรื่องจริงกับแก้ว คุณแม่ลูกอ่อนอายุ 44 ปี ที่อยู่กับสามีมาเกือบ 20 ปี เธอบอกว่าปกติแล้วสามีจะเป็นฟรีแลนซ์ที่มีรายได้เท่าไหร่ เธอไม่เคยรู้เลย แต่แก้วจะบอกว่าหน้าที่ผ่อนบ้านขอให้เป็นคนจ่าย ก็ผ่อนมาตลอดแบบไม่เคยโปะเลย เธอเคยพูดเรื่องให้กระตือรือร้นเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เขาจะหงุดหงิดทุกครั้ง พอมีลูกเขารับหน้าที่อยู่บ้านดูแลลูก เพราะเป็นฟรีแลนซ์อยู่แล้ว ส่วนเธอกลับไปทำงานที่บริษัท อย่างแรกที่แก้วรับไม่ได้เลยคือพูดเรื่องเงินเมื่อไหร่ สามีจะต้องตะคอกกลับหนักมาก หาว่าบ้าเงินบ้าง เขาต้องเสียสละดูแลลูกจนไม่มีเวลาทำอะไร เธอเริ่มมองว่าสามีไม่เป็นหัวหน้าครอบครัวซักนิด เงินทุกอย่างอื่นๆ ในบ้านเธอจะต้องรับหน้าที่จ่ายหมด ไม่ว่าจะผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายในบ้าน ขนาดไปกินข้าวนอกบ้านเธอก็ต้องควักเองทุกครั้ง อดทนช่วยกันน่ะได้ แต่บางครั้งแก้วรู้สึกว่าเกินไป ถ้าจะจ้างพี่เลี้ยงมา ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิมขึ้นอีกแบบไม่แน่ใจได้เลยว่าสามีจะออกไปหารายได้มาเพิ่ม จะเลิกกันไปเลย เขาก็ยังมีข้อดีว่าเป็นผู้ชายที่รักลูกจากใจจริง และยังไม่ได้แย่ขนาดไปมีเมียน้อยทิ้งลูกทิ้งเธอไป ทุกวันนี้เธอก็ต้องกัดฟันอดทนต่อไป ไม่พูดเรื่องเงินเพราะไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าลูก แต่ถ้าวันหนึ่งบริษัทที่เธอทำไม่มั่นคงแล้วให้เธอออก ตอนนั้นจะทำยังไงต่อก็ยังไม่มีทางออกอยู่ดี

 

มองเขาที่เขาเป็นเขา

ก่อนจะมองไปถึงที่ว่าผู้ชายคนนี้เขาเป็นคนยังไง มองไปที่เนื้อแท้ของเขา อย่างแรกเลยเขาแก้ไขไม่ได้ เพราะเราเองในฐานะที่เคยมีปัญหาเรื่องเงินกับสามี รู้สึกว่าเขาไม่เห็นช่วยค่าใช้จ่ายเลย เคยทะเลาะกันไปหลายที แต่เราได้เห็นว่าเขามีพัฒนาการขึ้น เขาตั้งใจทำงาน อาจจะกลับบ้านดึกบ้าง แต่เขาก็เต็มใจที่จะหาเงินมาเพื่อให้ครอบครัวก้าวไปข้างหน้า พี่ๆ ที่มีประสบการณ์ชีวิตบอกว่าในกรณีของเราสามีไม่ใช่คนงกหรือเห็นแก่ตัว แค่เขาละเลยหน้าที่ เพราะไม่เคยคุยกันอย่างจริงจัง แต่กับบางคนไม่ให้แถมถ้าทวงยังด่าซ้ำด้วย ตรงนี้ทำให้เรามองเขาว่าผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้แหละ ถ้าคิดจะอยู่กับเขาต่อไป อาจจะอยู่กันแบบพ่อของลูก เป็นเพื่อนร่วมโลกหรืออะไรก็ตาม เราจะไม่โกรธหรือเกลียดเขา เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ การพูดกันคงไม่ใช่ทางออก ไม่ช่วยให้ดีขึ้น เกินจะเยียวยา เราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปเพื่อลูก หยุดสร้างหนี้ไปมากกว่านี้ ถ้าเขามาขอให้เราเซ็นค้ำประกัน กู้ร่วมอะไรอีกให้หยุดเลย แตกหักก็ห้ามเซ็น เพราะถ้าต้องเลิกกันจริงๆ เราจะได้ไม่ต้องเป็นหนี้หัวโตขึ้นโรงขึ้นศาลเสียชื่อไปกันใหญ่ อันนี้สำคัญมากนะ เพราะบางคนหลงลมปากสามีบอกให้ซื้อรถเป็นชื่อเรา เดี๋ยวเขาผ่อนให้ สุดท้ายโดนไฟแนนซ์ตามยึด ติดเครดิตบูโรลำบากไปอีก

 

ยังไงเราก็ต้องรอด

พอเราเห็นแล้วว่าสามีของเราเป็นคนแบบไหน เราจะรู้ว่าต้องทำยังไงต่อ เช่น เขาก็มีใจจะช่วยนะ แต่หน้าที่การงานเขาอาจจะหาได้ในระดับหนึ่งจริงๆ มีหลายคู่ที่เราเห็นว่าเสาร์อาทิตย์ก็สู้ชีวิตออกไปขายของตลาดนัดบ้าง รับออเดอร์ทำอาหารใส่กล่องไปขายเพื่อนร่วมงานก็มี หรือสามีเราไม่เอาอ่าวเลย ไม่สำนึก ทีนี้ก็ต้องมาตัดสินใจว่าจะทำยังไง ถ้าเขาจะอยู่ก็ต้องอย่าเป็นภาระเพิ่มให้เรา แต่เราต้องมีเป้าหมายถึงอนาคตลูก ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกก่อน รถที่ผ่อนแพงไปหรือเปล่า เรายังติดกินเที่ยวหรูๆ มั้ย เราสปอยล์ลูกเกินความจำเป็นทำให้เขาไม่อยู่กับความเป็นจริงอยู่หรือเปล่า อดใจกับบัตรเครดิตไม่ได้ก็คงต้องหักบัตรทิ้ง เราเชื่อว่าคนเราต้องมีทางออกแบบในรูปแบบของตัวเอง ต้องหาให้เจอ และฝากไว้อย่างสุดท้ายว่าการยืมเงินคนอื่นอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่ เพราะเราอาจคิดว่าเดี๋ยวก็น่าจะมีมาใช้เขา พอถึงเวลาเกิดช็อตขึ้นมา ไม่มีใช้คืน เพื่อนเลิกคบ ไร้ความน่าเชื่อถือโดนตัดออกจากสังคม ภาพลักษณ์เป็นแม่ที่เสียเพราะเรื่องเงินไปเลย สิ่งที่ดีที่สุดก็คือความเพียรพยายามไม่ว่าจะงานไหนๆ เราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนจะพาครอบครัวไปถึงฝั่งได้แน่นอน อย่าท้อแท้นะคะ

13 December, 2016
Lifestyle