Health & Fitness

Hot Dad! คุณพ่อสุดฮอต กับไอเดียเลี้ยงลูก “เราต้องช่วยหาความสุขเขาให้เจอครับ”



เป็นเฟรนด์ในเฟซของเติ้งมานาน สะดุดหนักกับตอนเขาทำ Live ใส่แว่นดำ จับลูกนั่งข้างๆ ใส่แว่นดำไปด้วย แล้วร้องเพลงอย่างเมามันส์ ส่วนลูกเขาน่ะเหรอ นั่งเฉยๆ ไม่กระดุกกระดิก แบบว่า “พ่อเป็นไรมากมะ แต่เอาเถอะ พ่อใส่ไปเลย” คือน่ารักมาก คูลมาก จนมัมสกรีมต้องขอคุยหน่อย เติ้งทั้งฮอต เคยดังในโลกวีเจ เป็นพ่อทำงาน และยังมีลูกชายน่ารักอีก 2 คน เติ้งทำได้ยังไง?

 

ย้อนไปสิบปีได้ เปิดช่องแชนเนลวี จะเห็นวีเจคนหนึ่ง ผิวสีแทน สูงเท่ หน้าตาเป็นมิตร สุภาพ ขี้เล่น ดูอบอุ่นแบบว่าสาวๆ กรี๊ดกันคอแตก ใครๆ ก็แอบคิดในใจ “ถ้าได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นสา จะเป็นยังไงนะ?” แอบคิดกันไปมา ผ่านมาเกือบสิบปี เติ้งก็เปิดตัวอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมลูกน้อย กับภรรยาชาวญี่ปุ่น สาวๆ ใจหาย และหัวใจล้มเหลวกันไป ยิ่งเติ้งสุดๆ จะแฟมิลี่ แมน แทบไม่เคยเห็นเขาถ่ายรูปตัวเองเท่าไหร่ จะมีก็แต่ลูกๆ เท่านั้น โอยยยย ใจยิ่งสั่นกัน นี่! แล้วขอเม้าท์นะว่า พอได้คุยกับเติ้งเรื่องเลี้ยงลูกเข้าไปอีก หล่อคูณสิบ ฮอตแด๊ดของเราคนนี้ น่ารักทุกองศา เติ้งแชร์เรื่องเลี้ยงลูกให้เราฟังด้วย เผื่อแม่ๆ จะไปเขี่ยแขนสาที่บ้าน “คุณๆ ลองเล่นแบบนี้กับลูกบ้างม้า”เพื่อลูกเรา อ่านเลยยยยนา

“ผมเป็นคนรักเด็กมาตั้งนานแล้ว ชอบเล่นกับเด็ก เด็กเหมือนน้ำไหลมาจากภูเขา เป็นต้นน้ำที่ใสสะอาด ยังไม่เจอโลกแห่งความจริง” เติ้งเปิดประโยคแรกกับเรา พอถามเขาเรื่องเด็ก

 

รักกับภรรยาคนนี้ที่ญี่ปุ่น

ก่อนจะมีลูกน้อยทั้งสอง เติ้งเล่าชีวิตรักกับภรรยาคนนี้ คุณเรอิ อาราอิ ให้ฟังว่า “รักผู้หญิงคนนี้เพราะเค้าเรียบง่าย น่ารัก สงบ รู้จักเค้าที่ญี่ปุ่น ก็ไปเจอกับครอบครัวเค้า แล้วรู้สึกว่าเค้ากำลังดีจัง แล้วก็เลยคบกัน รักกัน แล้วทุกสิ่งก็เกิดตามขึ้นมาแบบปุบปับเลย” มาถึงตรงนี้แม่ๆ กุมหัวใจไว้แทบไม่อยู่ หลังจากนั้นเติ้งก็มีงานต้องเดินทางไปอินเดีย เติ้งเลยเกิดความคิดว่า “อยากพาเค้าไปด้วย ก็เลยมาคุยกันว่า งั้นเราแต่งงานกันเลยดีกว่า ตัดสินใจจดทะเบียนกันที่ไทย แต่ยังไม่มีงานแต่ง แล้วค่อยว่ากัน ไปอินเดียก่อนเลย”

ลูกคนแรกเกิดที่อินเดีย

เติ้งนี่สายเปิดปุ๊บติดปั๊บ พอไปอินเดียได้สองสามเดือน สาวเจ้าก็ตั้งท้อง เติ้งใช้คำว่า “แจ็คพ็อตครับ มีลูกแล้ว” น้องใบโพธิ์ ลูกชายตัวน้อย ก็ได้เกิดมา ใบโพธิ์มีชื่อญี่ปุ่นว่า อิซเซอิ เติ้งบอกว่า “แปลว่าความจริงใจ ความสำเร็จ ความก้าวหน้าครับ” พอมีลูก หลังจากนั้นเติ้งก็รีบจัดงานแต่งทันที เติ้งบอกเราว่าไม่เสียดายชีวิตโสดใดๆ ไม่กลัวความยากเรื่องเลี้ยงลูกเลย เขากลับรู้สึกว่า “ดีใจมากครับที่มีลูก มาเร็วก่อนคาด มีตอนไปเที่ยวอินเดียใต้ ที่เมืองบูนา รู้ว่าเรอิท้องตอนขึ้นเขาแล้วเขาเวียนหัว ก็นึกว่าเมารถ พอกลับมุมไบให้หมอเช็ค หมอแค่แตะท้องบอก ท้องแน่นอน” เติ้งตัดสินใจออกจากงานที่อินเดีย แล้วกลับมาคลอดที่ไทย


บิ๊ก ไอเดียเรื่องเลี้ยงลูกของเติ้ง..

“ความฝันคืออยากให้ลูกมีความสุขครับ” เติ้งยิ้มกว้างมากตอนพูดประโยคนี้กับเรา เขาเล่าต่อว่า “ผมว่าเรื่องเลี้ยงลูกนี่ไม่มีถูกผิดครับ ถ้าเราเชื่อว่าเขามีความสุข ให้เขาทำในสิ่งที่รัก เขาก็จะเป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่าลูกผมจะไม่ต้องทำงาน ที่ไม่รักไปตลอดชีวิต ผมก็เลยมองหาก่อนว่า ถ้าอย่างนั้นหน้าที่เราก็คือ เราต้องช่วยค้นหาความสุขของลูก ช่วยหาว่าเขาสนใจอะไร ถนัดอะไร ถ้าหาเจอ เราทำให้เป็นอนาคตของเขาได้เลย” พอมาถึงเรื่องนี้เติ้งปรึกษากับเรอิว่า งั้นเรายึดคอนเซ็ปต์นี้เลยนะว่า “ต้องช่วงเขาหาทางให้เจอที่สุด แล้วถ้าเจอ เขาจะทำได้ดี เขาจะได้อยู่กับสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต แล้วเงินจะไหลมาเอง” หลักง่ายๆ ของเติ้งเลยคือ ลูกจะทำอะไรก็ได้ ขอให้เมคชัวร์ว่าทำสิ่งนี้แล้วดีที่สุดแล้ว

 

หลังจากนั้นไม่กี่ปี เติ้งก็มีลูกชายคนที่สอง

คนนี้เติ้งให้ชื่อว่า น้องภวินทร์ หรือชื่อญี่ปุ่นคือ Kosei มาสองแล้ว เลยถามเติ้งว่าเลี้ยงลูกเหนื่อยมั้ย? เติ้งบอกว่า “ตอนเพิ่งคลอดก็จะสลับกัน ใครไหวก็ตื่น แต่ของใบโพธิ์นี่ผมจะอุ้มในชิดกับอกเรานอนครับ เลยติดเนื้อเรา แล้วพอจะนอนถ้าไม่ได้อุ้ม ก็จะร้อง มีสปอยล์ไปนิด แต่พอคนที่สอง เลยให้นอนเตียงไปเลย คนนี้เลี้ยงง่ายกว่าคนแรกครับ ของใบโพธิ์นี่ตื่นตลอดจนขวบครึ่งเลยครับ”

ต้องทำอะไรประจำให้ลูกบ้าง?

ความเป็นพ่อของเติ้งคือ.. “ที่ทำประจำเลยก็คือ อาบน้ำให้ลูกๆ ทุกเช้า ไม่เคยพลาด แล้วก็คอยเล่นกับเขา ตอนอาบน้ำก็คุยกัน ร้องเพลงเล่นกัน บอกให้เขารู้ทุกวันว่าพ่อรักมากนะ ทำทุกวัน แล้วพอเริ่มเข้าโรงเรียน ก็พามาส่งทุกวันครับ” เติ้งย้ำว่าเชื่อในเรื่องคอนเน็คชั่นกับลูกตอนที่ได้ร้องเพลง เล่นกันนี่ล่ะ

ความเป็นเติ้งที่ถ่ายทอดมาให้ลูก

เติ้งหัวเราะร่วนก่อนเล่าว่า “ผมเล่นบ้าๆ บอๆ กับลูกครับ แล้วก็เอาสิ่งที่ตัวเองรักนี่ล่ะ มาเล่นกับเขา อย่างผมชอบบอล ก็เอาบอลมาเล่นด้วย เลยสนุกไปด้วย” อันนี้เติ้งฝากให้แม่ๆ ลองเอาไปเล่นกับลูกเลย “ผมบ้ากับทุกสิ่งรอบตัวเลยครับ เวลาสอนเรื่องสัตว์นี่ ผมเป็นสัตว์นั้นจริงๆ เลย ลิง หมา ม้า แสดงออกมาเลยครับ เราต้องบ้าไปกับเขา ทุกสิ่งรอบตัวมีอยู่แล้ว แค่หยิบมาใช้ครับ” เติ้งแถมให้อีกนิดว่า “ถ้าลูกเบื่อ ก็อย่าไปบังคับนะครับ” อีกอย่างที่เติ้งทำตลอดคือ “ผมจะอธิบายให้ลูกฟังเยอะๆ บอกตลอดว่า พ่อเปิดเพลงนี้ให้ลูกฟังนะ ตอนลูกอยู่ในท้องแม่นะ แล้วแปลกเลย ลูกชอบเพลงนั้นไปเลย”

 

เติ้งแนะนำว่า ถ้าอยากค้นหาว่าลูกชอบอะไรก็ให้ “ลองเอามาให้ลูกเล่นนี่ล่ะครับ เอาลูกเทนนิสกับไม้มาลอง ถ้ายังไม่ใช่ เอากีตาร์มาลอง ถ้ายังไม่ใช่เอากระดาษกับสีมาลองอีก” หลังจากนั้นเติ้งบอกว่า ก็ปล่อยให้เขาเป็นตามธรรมชาติ พาไปดูสัตว์ พาไปข้างนอกเยอะๆ

ที่สุดแห่งความสุข

เติ้งเล่าว่ามีตอนหนึ่งที่เขาบอกเราว่า คือที่สุดของคำเป็นพ่อแล้วครับ ตอนที่น้องใบโพธิ์พูดขึ้นว่า “พ่อๆ ใบโพธิ์อยากเป็นพ่อ” เติ้งบอกว่าเขาไม่เข้าใจหรอกว่าลูกหมายความว่ายังไง แต่ฟังแล้วเขาฟินในความเป็นพ่อ “ผมว่า เราคงดูดีในสายตาเขามั้งครับ” แล้วไม่น่าเชื่อว่าน้องใบโพธิ์จะเซนซิทีฟขนาดนี้ มีตอนหนึ่งเติ้งเล่าว่า “วันแม่ปีที่ผ่านมา ตอนที่ใบโพธิ์กราบแม่ เขาร้องไห้ งงเลยว่าทำไมเขารู้ เขาแค่สองขวบครึ่งเอง”

 

ในความเป็นพ่อ สิ่งที่เติ้งจะไม่มีวันยอมเสีย

และพอมาถึงตอนที่เราอยากให้เขาอินสไปร์พ่อแม่คนอื่น หรือคนที่กำลังจะมีลูกเรื่องความเป็นพ่อ เติ้งเป็นพ่อที่แทบจะไม่ห่างลูกเลย เขาทำได้ยังไง เติ้งอมยิ้มบอกว่า “ผมไม่อยากพลาดทุกโอกาสที่เห็นเขาพัฒนา ผมไม่อยากห่างจากลูกเลย ผมจะได้ไม่เสียใจภายหลัง จะได้ไม่ต้องพูดประโยคว่า “รู้งี้ เราน่าจะอยู่กับเขา” แต่ผมพูดได้เลยว่า เราทำมาหมดแล้ว ทุกก้าวที่เขาโตขึ้น เราให้เต็มที่ เราจะไม่มีทางเสียใจในความเป็นพ่อเลย” หูยยยยย ขนลุกเลยพอเติ้งพูดมาถึงตอนนี้

กับเรื่องพัฒนาการของลูก เติ้งเชื่อว่า..

“เชื่อว่าเวลา 0-5 ปีนี่ เป็นช่วงเวลาที่เราจะฝังเรื่องดีๆ ไปที่ตัวเขา เพราะเราอยากสร้างฐานที่ดีให้กับเขา อะไรที่จะเนกาทีฟกับเขาได้ เราจะยับยั้งมัน เช่น เรื่องฟันนี่สำคัญมาก ถ้าไม่ช่วยเขาดูแล ฟันผุเลย และอย่างขนมสำหรับลูกผม คือส้ม อยากให้เขาเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะได้เปิดรับสิ่งดีๆ ได้มากที่สุดครับ”

 

เราขอให้เติ้งย้ำกับเราอีกครั้ง เลี้ยงลูกสำหรับเขาคือ..

“ผมว่าความสำเร็จของผม คือต้องหาความสุขลูกให้เจอ แล้วใช้ความสุขนั้นดำรงชีวิตต่อไป เราต้องคอยชี้แนะ คอยช่วยให้ลูกหาให้เจอ ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน แล้วไปยัดอะไรใส่หัวเขา ต้องไม่ตีกรอบให้เขาครับ”

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือ.. “เพียงแค่ให้เวลาเขา ผมเชื่อว่าเราสามารถสร้างจินตนาการให้กับลูกได้ เช่น จำลองเป็นไดโนเสาร์ไล่จับกัน เราจะได้ยินเสียงเขาหัวเราะ วิ่งหนีเรา แต่เขามีความสุขแล้ว ถ้าไม่ให้เวลาเขา เราจะไม่เห็นสิ่งนี้เลยครับ”

 

มัมสกรีมขอขอบคุณเติ้ง ภราดร ศิรโกวิท, 37 ปี Associate Director, Corporate Communications at IPG Mediabrands

สามีที่น่ารักของคุณเรอิ และคุณพ่อสุดคูลของน้องใบโพธิ์ และน้องภวินทร์

 

25 January, 2017
Health & Fitness