Health & Fitness

10 อินเนอร์เลี้ยงลูกให้เรารู้สึกว่า เราเป็นแม่ที่โอเคแล้ว เรามาถูกทางแล้วล่ะ!



ความเป็นแม่นี่คือโจทย์ที่ยากที่สุดในชีวิตของเราเลย เพราะไม่ว่าเราจะพยายามเลี้ยงลูกแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามตัวเอง ถามแล้วถามอีกว่า เราเป็นแม่ที่โอเคหรือยัง? ในความเป็นจริง มีอะไรเยอะมากที่เราไม่เพอร์เฟ็คท์เลย สิ่งที่ควรจะทำให้ลูก ก็ยังทำได้ไม่ดี แล้วก็คิดวนๆๆๆๆ อยู่นั่นแหละว่า แล้วเราจะทำยังไงให้เป็นแม่ที่เลี้ยงลูกโอเคขึ้น มัมสกรีมเข้าใจหัวใจแม่ทุกคนมากๆ ขอให้กำลังใจแม่ๆ ว่าความรักของแม่น่ะ กว้างไกลกว่ามหาสมุทรไหนๆ ความฮึด ความไม่ยอมของแม่ ก็ไม่มีอะไรมาสู้ได้ หรือถ้ายังสงสัยในตัวเองอยู่ ลองดูลิสท์จากเรานี่เลย ว่าถ้าจะให้เราเป็นแม่ที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับตัวเอง เราต้องเลี้ยงลูกยังไงดี?

 

1 เอาใจ เอาความสำคัญมากองให้ลูกเรา

เป็นเรื่องสำคัญมากที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นมาแบบเขารู้คุณค่าในตัวเอง คนที่จะทำให้เขารู้สึกได้มากที่สุด ก็คือพ่อแม่นี่ล่ะ เวลาที่เราให้เขา ไม่ได้อยู่ที่เราต้องอยู่กับเขาทั้งวัน แต่คือความเข้มข้นเวลาเราได้อยู่กับเขา ความสนใจฟังเขา และเข้าไปอยู่ในโลกของเขากับเขาต่างหาก ชีวิตพ่อกับแม่ทุกวันนี้มีแต่คำว่างานๆๆๆ หาเงินๆๆๆๆ เวลาเราอยู่กับลูก แทนที่เราจะอยู่กับเขาจริงๆ ในตอนนั้น เรากลับคิดว่า พรุ่งนี้จะไปไหน จะทำอะไร เรากลับคอยแต่เช็คมือถือ ไถเฟซ แล้วก็บอกตัวเองว่า “ก็เราอยู่กับลูกแล้วนี่นา” แต่ความจริงคือ เรายังไม่ได้ใส่ความสนใจให้เขาจริงๆ เลย สังเกตดูนะ กี่ครั้งที่ลูกถามอะไรเรา แล้วเขาต้องถามถึงครั้งที่สอง ครั้งที่สาม เขาพยายามจะสื่อสารกับเราตลอด แต่เรานี่ล่ะละเลยคำถามของเขาทุกครั้ง สังเกตต่อสิว่า เวลาลูกดื้อเป็นเพราะอะไร ก็เพราะเราหรือเปล่าที่ไม่ได้ฟังเขาพอ เขาพยายามบอกอะไรเราแล้ว

 

เวลาลูกพยายามบอกอะไรเรา แล้วเราไม่สนองตอบทันที จะสร้างปฏิกิริยาเนกาทีฟให้เกิดกับเขาขึ้นเรื่อยๆ ได้ เหมือนเขากำลังต่อต้านเราอยู่ และมันไม่สำคัญเลยเวลาลูกเราแสดงความรู้สึกอะไรออกมา ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด เขาแค่อยากแสดงออกมา ถ้าเขาบอกว่า “แม่ แม่ไม่ค่อยมีเวลาให้หนูเลย” ไม่ต้องบอกว่า เขาคิดแบบนี้กับแม่ได้ยังไง เพราะเขารู้สึก เขาถึงพูดออกมา ฟังเขา แล้วถ้าเราเองก็รู้สึกตามนั้น ก็แค่ตอบเขากลับไปว่า “เออ จริงเลย แม่เองก็แทบจำไม่ได้ว่าเคยเล่นบ้าๆ บอๆ กับลูกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” จะดีกว่า และต้องขอบคุณลูกนะ ที่ช่วยเตือนสติให้เรา

 

2 ไม่ต้องพูดเยอะ แต่ทำเลย

มีสถิติบอกมาให้ช็อคเล่นว่า พ่อแม่จะบอกลูกให้ทำโน่น ทำนี่ หรือบ่นกับลูกถึง 2,000 ครั้งต่อวัน!! จนลูกเราชินแล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้ เทคนิคก็คือแทนที่เราจะคอยพูดๆๆๆๆ กับลูก ให้ทำให้จริงเลย เช่น ถ้าเราคอยบ่นลูกว่า ให้กินข้าวได้แล้วอยู่นั่นล่ะ เลิกบ่น แล้วเอาข้าวเก็บเลย ถ้าจะกินก็ต้องมานั่งกินตามเวลาแม่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน แล้วลูกจะอึ้งว่าแม่เอาจริง และจะเริ่มมีวินัยมากขึ้นเอง

 

3 ให้โอกาสลูกได้แสดงแสนยานุภาพบ้าง

ไม่อย่างนั้น เขาก็จะหาวิธีในแนวเขาโชว์เตร๊งใส่แม่เอง เราเอาให้ทันเขา เราเอาให้เขาอยู่มือเราก่อนดีกว่า วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้โอกาสเขาแสดงความคิดเห็น ถามเขาว่าเลือกอะไรระหว่างอันนี้ กับอันนี้ คิดยังไงกับสิ่งนี้ ให้เขาได้เป็นคนเลือกอาหารที่อยากกิน หยิบอาหารมาเตรียมทำ ล้างผัก เลือกผ้าตัวเองไปซัก หรือเดินเอาจานของตัวเองไปล้างเลย ความจริงอย่างเด็กสองขวบกว่าๆ ก็ล้างจาน ล้างแก้วน้ำของตัวเองได้แล้วนะ ถ้าเราแค่ให้โอกาสเขา

4 ปล่อยให้เขาได้รับผล กับสิ่งที่เขาทำ

ลองถามตัวเองดูสิว่า เราเป็นแม่ที่เข้าไปจัดการชีวิตลูกขนาดไหน เพราะถ้าเราจัดการมากเกินไป ลูกเราจะมีช่องว่างให้คิดอะไรเอง ทำอะไรเองได้ยังไง บางทีก็ปล่อยให้ลูกเราไม่ต้องได้สิ่งที่เขาอยากได้ ทำอะไรง่อยๆ ไปบ้าง เขาจะได้คิดหาทางปรับปรุงให้มันดีขึ้น อย่างถ้าลูกใส่เสื้อเองไม่ได้ เราเห็นก็รีบรี่จะไปช่วย แต่ลองนั่งมองเขาดูว่าเขาจะแก้ปัญหายังไง จะทำให้เขาช่วยตัวเองได้ดีขึ้น และเป็นเด็กที่ต้องคอยคิดแก้ปัญหาให้ตัวเอง เขาจะสตรองบนโลกใบนี้ได้

 

5 ถ้าเขาทำอะไรพลาด ให้เขาชดเชยสิ่งที่เขาทำ

บางครั้งการลงโทษลูก ก็ไม่ช่วยให้เขาเข้าใจ หรือปรับปรุงตัวหรอกนะ หาทางอะไรที่เขาต้องแลกเพื่อให้ได้มา เขาจะเข้าใจความจริงของชีวิตมากกว่า เช่น ถ้าเขาไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่แม่บอกเท่าไหร่ แม่บอกว่าให้เอาจักรยานไปสูบลมก่อนขี่ เขาไม่ฟัง แล้วไปขี่เลย แล้วจักรยานพัง แทนที่เราจะว่าเขา หรือห้ามไม่ให้เขาขี่อีก แต่แม่ควรเอาจักรยานไปซ่อมซะ แล้วหักเงินค่าขนมลูกมาจ่ายค่าซ่อมของตัวเองแทน เขาก็จะเข้าใจว่า ทุกสิ่งในโลกถ้าอยากจะได้ ต้องลำบากเพื่อจะได้มานะ เขาจะค่อยๆ เข้าใจโลจิคในการใช้ชีวิตเลยล่ะ

 

6 เดินออกไป เมื่อลูกดื้อพีคมาก

เราไม่ชอบใช่ไหม เวลาคนที่เรารักมาเดินหนี ลูกเราก็เหมือนกัน เวลาเขาดื้อมาก จะเอาๆๆๆ ร้องๆๆๆๆๆ แม่อย่างเราไม่ต้องไปว่าเขา ไปตะโกนแข่งกับเขาเลย เราทำสวยๆ คือเดินออกไปซะ ปล่อยให้เขาโวยวายไป แล้วก็แค่บอกเขาว่า “แม่อยู่อีกห้องนะ สงบแล้วไปหาแม่ได้” อย่าโชว์ความโกรธให้ลูกเห็นเป็นอันขาดเลย เขาจะไม่เชื่อเรา และอาจเลียนแบบเราได้

7 อย่าได้เบลมลูกว่าเขาไม่ดีเชียว

แม่ๆ ต้องท่องไว้เลยว่า “จะไม่ว่าลูกเรา ว่าเขาไม่ดี” นั่นจะยิ่งทำให้เขาไม่เหลือคุณค่าของตัวเอง พยายามบอกให้เขารู้ว่า แม่ไม่ได้ไม่ชอบลูก แต่ไม่ไม่ชอบสิ่งที่ลูกทำมากกว่า เด็กที่โตไปมั่นใจในตัวเอง คือเด็กที่เขารู้ว่า พ่อแม่รักเขาแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม อย่าพยายามโน้มนำลูกบอกลูกว่า แม่ไม่รักลูก ลูกนิสัยไม่ดี อย่าให้เขารู้สึกว่าแม่ไม่รัก เพราะถ้าเขาจะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองทันที และเขาจะคิดเนกาทีฟกับตัวเอง ทำให้เขารู้สึกด้อยค่า ก็จะเหวี่ยงให้เขาทำอะไรไม่ดีในอนาคตได้

 

8 มั่นคงกับเขา และยังคงใจดีกับเขา

เวลาเราจัดการกับลูก เช่น เรามีลูก 5 ขวบ และถ้าตั้งเวลาไว้ว่า ลูกต้องแต่งตัวให้เสร็จภายใน 5 นาทีนะ ไม่อย่างนั้นลูกก็จะแก้ผ้าอย่างนี้ไปโรงเรียน ต่อให้เขากระทืบเท้าไม่ยอมยังไง แล้วเราโกรธยังไง แต่พอครบ 5 นาทีที่เราไปหาเขา เราต้องพาเขาขึ้นรถไปด้วยความรักเหมือนเดิม ไม่ใช่จับตัวเขาลาก หรือทำเสียงดุใส่เขา เราต้องนิ่งๆ เสียงใจเย็น พูดกับเขาธรรมดาๆ ใจดีๆ สไตล์เราแบบเดิมเลย สักพักเขาจะทนตัวเองไม่ได้ เขาจะแต่งตัวของเขาเอง

 

9 เราอยากเห็นลูกเราโตมาเป็นยังไง ก็ทำแบบนั้นกับเขา

เวลาเกิดอะไรที่แม่ต้องออกฤทธิ์กับลูก เราก็อาจมีน็อตหลุด อยากจะจัดการลูกให้จบๆ ไปตอนนั้น ก็เลยมีทำอะไรรุนแรงไปบ้าง ไม่คำพูดก็การกระทำ เหมือนจะให้ผ่านๆ ไป แต่สิ่งนี้ล่ะ อาจติดตัวลูกเราไปจนเขาโต เด็กมักจำอะไรได้ที่ทำร้ายจิตใจเขา และเขาจำมันแบบแน่นสนิทใจเลย โตๆ แก่ๆ ไปเขาก็ยังมีภาพเหล่านั้นอยู่ในหัว เราเป็นแม่ ถ้าไม่อยากให้ลูกมีภาพจำที่ไม่ดี เวลาจะทำอะไร ก็ควรคิดยาวๆ ถึงชีวิตเขาตอนโตไว้ด้วย เช่น ถ้าเราไปตีลูก เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจำไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปตี กันเอาไว้เลยปลอดภัยกับลูกมากกว่า

 

10 ความสม่ำเสมอสำคัญมาก

ความสม่ำเสมอเท่ากับความมั่นคงในใจแม่เลย ถ้าเราสอนอะไรลูก ก็ควรหนักแน่นกับสิ่งนั้นไว้ ถ้าเราไม่ยอมให้ลูกซื้อของเล่นที่ห้าง ก็ควรยืนยันสิ่งนั้นต่อไป ถ้าเราไม่ให้ลูกพูดคำหยาบ ทุกครั้งที่เขาพูด ก็ต้องจัดการ เขาจะต้องเรียนรู้ที่จะเคารพสิ่งที่แม่บอก และไม่ทำสิ่งนั้น แม่เองก็ต้องเอาจริงกับเขา ไม่ใช่ปล่อยไหล และบอกตัวเองว่า “เหนื่อยจัง ข่างมันเถอะ”

 

ความเป็นแม่ถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ ก็เพราะเราทั้งต้องสู้กับตัวเอง ต้องมีจิตวิทยาเข้าใจเด็ก ต้องอ่านใจลูกได้อีก ต้องเป็นทั้งนางมาร และแม่พระในคนๆ เดียวกัน และยังต้องเป็นเพื่อนลูกอีก แต่… ถ้าแม่ได้เริ่ม และฝึกตัวเองให้เข้าลูพไปเรื่อยๆ ก็อาจเข้าใจและทำได้เองโดยธรรมชาติ ลูกก็น่ารักขึ้น สุดท้ายคือ หึๆๆๆๆ แม่ได้มานั่งยิ้มกริ่มกับตัวเอง โอ้ว ชีวิตช่างมีความหมาย ไม่นึกจริงๆ ว่าผู้หญิงอย่างฉันจะเลี้ยงลูกได้!!! ฮูเรย์!!!

 

https://www.facebook.com/Momscream

17 June, 2017
Health & Fitness