Family

ร.ร. นี้สอนให้คิดแบบต่างชาติ แต่มารยาทอย่างไทย เข้าถึงจิตวิญญาณดี!



ปีนี้คุณแม่ที่กำลังหาโรงเรียนให้ลูกอย่างเราก็ออกตระเวนหาโรงเรียนอนุบาลที่เข้ากับจริตตัวเองและลูกมากที่สุด ยิ่งไปมาเป็นสิบๆ โรงเรียน ความพีคก็เริ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนที่เราเพิ่งไปโรงเรียนนานาชาติ Thai International School หรือ TIS ย่านรังสิต-ปทุมธานีมา คุณแม่แถวชานเมืองตรงนี้ บอกเลยว่าเตรียมตัวไปเยี่ยมชมกันได้เลย เพราะการเรียนการสอนที่นี่เข้มข้นจนเราอยากมาเล่าให้ฟัง

 

โรงเรียนกำลังจะเปิดสอนในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ตอนนี้มีตั้งแต่ชั้น Nursery, K1-G3 และจะขยายต่อไปเรื่อยๆ ถึง G12 ในปีต่อๆ ไป เน้นการพัฒนาการ Psychomotor Skills และวางหลักสูตรโดยอาจารย์รุ่นเก๋าอย่าง รศ. ดร. จงรักษ์ ไกรนาม อดีตผู้ก่อตั้งและบริหารสาธิตเกษตรนานาชาติมานานถึง 21 ปี! อาจารย์ยังเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอาจารย์ใหญ่นานถึง 17 ปี! ประสบการณ์ของอาจารย์ไม่ต้องพูดถึง เข้าใจเด็กถึงหัวใจส่วนลึกที่สุด และมองภาพออกมากว้างถึงระดับประเทศกันขนาดนั้น แม้แต่คนเป็นแม่อย่างเรายังสะเทือน อาจารย์จงรักษ์เล่าว่า “เป้าหมายของการเรียนจริงๆ คือพัฒนาคนให้สมบูรณ์ให้เขาเป็นมนุษย์อย่างเต็มกระบวนการ”

 

ทำไมเราต้องเปลี่ยนจาก “คน” ให้เป็น “มนุษย์”

ตรงนี้แหละที่เป็นแก่นของคนเป็นแม่อย่างเราที่โดนถามบ่อยมาก โตขึ้นอยากให้ลูกเป็นอะไร เราก็จะบอกว่าเป็นอะไรก็ได้ขอให้เป็นคนดี มีประโยชน์กับสังคม อาจารย์จงรักษ์สอนเราว่าคนต่างกับมนุษย์ตรงที่การเป็นคน เรายังใช้สัญชาตญาณ ความเห็นแก่ตัวเพื่อเอาตัวรอด แต่การศึกษาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จะต้องมีปัญญา หรือ wisdom รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก ตัดสินใจด้วยตัวเองแบบมีศีลธรรม มีเมตตา มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

 

เมื่อไหร่ที่เด็กมีคุณธรรมกำกับชีวิตว่าจะคิดดีหรือพูดดี จะส่งผลกับชีวิต บ้านก็เป็นบ้าน ครูต้องเข้าใจและรู้จักใช้ความคิดว่าจะสอนอะไรให้เด็กคิดแล้วเอาไปใช้ อาจารย์จงรักษ์บอกว่า “เราสร้างความเป็นมนุษย์ให้เขาอยู่ในสังคมอย่างสันติสุข ให้เด็กมีส่วนร่วม ทุกคนต้องฝึกเป็นหัวหน้าที่ดีให้ทุกคนมาร่วมมือกันทำงาน เข้าใจกฎ กติกาและมารยาท นั่นคือความมีวินัย เด็กๆ ต้องสนใจที่จะทำสิ่งต่างๆ โดยที่พ่อแม่หรือครูไม่ต้องยัดเยียด รู้จักเคารพตัวเองและคิดเองได้” หืมมมม คิดในใจดังๆ ว่าใช่เลยค่ะ! ลูกในฝันของหนูเป็นแบบนี้เลยค่ะ อาจารย์

 

ใส่ความเป็นนานาชาติเข้าไปให้ทันโลก

หลังจากที่ฝึกเด็กให้สนใจที่จะทำและเคารพตัวเองให้คิดได้แล้ว การเรียนการสอนแบบนานาชาติจะทำให้เราเข้าเวทีโลก เปิดโลกให้หลากหลาย และมีโรงเรียนรวมทั้งมหาวิทยาลัยที่ไปต่อได้อีกหลายที่ เราสงสัยว่าแล้วในพาร์ทของอาจารย์ต่างชาติที่มีความเป็นอินเตอร์ เด็กจะงงในวัฒนธรรมมั้ย อาจารย์จงรักษ์อธิบายว่าก่อนที่จะรับครูต่างชาติ อาจารย์จงรักษ์จะเรียกมาคุยทัศนคติให้ตรงกัน อาจารย์ต่างชาติทุกคนที่นี่ก็ต้องเข้าใจในวัฒนธรรมไทยด้วย

ส่วนระบบการเรียนใช้ระบบอเมริกันที่อาจารย์จงรักษ์จะดูเป็นรายวิชา เช่น วิทยาศาสตร์ใช้ textbook ของเขาเลย ไม่มีที่ไหนสู้ความล้ำของอเมริกาได้อยู่แล้ว วิชาคณิตศาสตร์ ต้องเอามาปรับให้เด็กสนใจกันมากขึ้น รวมทั้งภาษาไทย ที่นี่ก็มีสอนให้เด็กๆ อ่านออก เขียนได้ ส่วนภาษาจีน ญี่ปุ่น สเปนก็มีสอนด้วยเหมือนกัน

จิตใจและร่างกายต้องไปพร้อมกัน!

ที่นี่จะมีอาจารย์ไทยระดับด็อกเตอร์จากอเมริกาที่เชี่ยวชาญเรื่อง Psychomotor Skills มาสอนเด็กๆ เรื่องการควบคุมการเคลื่อนไหวที่ไม่ใช่แค่พัฒนาทักษะมอเตอร์ของเด็กนะ ให้เขาได้โฟกัส มีสมาธิ ครูที่สอนจะสังเกตได้เลยอย่างเช่น ให้โจทย์ที่เล่นบอล แล้วถ้าเด็กเดาะบอลแล้วเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจจะเข้าข่ายเด็กพิเศษ ที่นี่จะมีชั่วโมงนี้โดยเฉพาะฝึกกล้ามเนื้อต่างๆ และที่ TIS ก็มีสนามวิ่งวนด้านบนเป็นพื้นยาง เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้สนุกสนาน ตามฐานต่างๆ ใช้ศักยภาพออกมาได้เต็มที่จริงๆ

 

ห้องสมุดที่สอนเด็กๆ ว่าเรามาจากไหนในจักรวาล

ห้องนี้จะเรียกว่า Explorer Room หรือห้องสมุดที่มีการเรียนรู้ผ่านของเล่นและการเปิดโปรเจคเตอร์ให้เด็กๆ ได้ดูไล่ไปตั้งแต่ในจักรวาลของเราเป็นยังไง ระบบสุริยะที่โลกเราอยู่ โลกกำเนิดมาได้ยังไง ก็มีหินมาให้เด็กๆ ดูกันใกล้ๆ มาถึงยุคดึกดำบรรพ์ ไดโนเสาร์ที่พวกเด็กๆ ชอบกันมาก ไล่ไปจนเรียนรู้ว่าโลกเรามีน้ำ แร่ธาตุ ป่าไม้ มหาสมุทรไปจนทวีปมีชนเผ่าอะไรบ้าง เราหน้าตาแบบนี้ แต่คนในทวีปอื่นก็เป็นคนอีกแบบหนึ่ง

 

“ไม่ยากไปสำหรับเด็กเหรอคะ” แม่ที่มีลูกอายุ 2 ขวบกว่าๆ อย่างเราอดใจไม่ไหว คิดแทนว่าสมองลูกจะเข้าใจเหรอ แต่คุณครูบอกว่าอันนี้เป็นคำถามยอดฮิตมาก แต่แม่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง เด็กๆ จะค่อยๆ ซึมซับเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ตลอดเวลาที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ ห้องสมุดนี้เป็นแนวความคิดของอาจารย์จงรักษ์ เป็นสไตล์ห้องสมุดที่แรกและที่เดียวที่สอนให้เด็กๆ เข้าใจความเป็นมนุษย์ตั้งแต่ออริจินอล

 

 

ให้เด็กๆ เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ 

สรุปความได้ว่าแม่อย่างเราชอบที่โรงเรียนนี้สอนลูกอย่างเป็นธรรมชาติตามวัย และอาจารย์เข้าใจเด็กในช่วงอายุต่างๆ เน้นให้เด็กคิดจากการทำกิจกรรม เจอปัญหาแล้วลงมือแก้ อย่างวิชาศิลปะในช่วงวัยเด็กๆ เน้นให้เด็กๆ ได้ใช้กล้ามเนื้อมือ ระบบมอเตอร์แล้วอาจารย์ศิลปะจะเข้ามาซัพพอร์ต อาจารย์จะสังเกตได้เลยว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เช่น เด็กคนนี้อยู่บ้านสองชั้น จะเห็นมุมมองในแนวสูง เด็กบางคนอยู่บ้านชั้นเดียว มุมมองจะออกไปในแนวกว้างกว่า

 

อาจารย์จงรักษ์แนะนำว่าพ่อแม่ควรให้เด็กๆ ใช้สมองให้เป็นไปตามวัย ถ้าลูกอายุ 0-2 ขวบ เขาจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพราะเขาต้องใช้ Sensory Motor แค่พ่อกับแม่เข้าไปดูไม่ให้เขาเกิดอันตราย หรือเวลาที่เขาทำผิดก็ค่อยไปแก้ไข พยายามอย่าไปห้าม ไม่ไปทำลายการเรียนรู้ตามธรรมชาติ ตอนนี้เป็นช่วงที่สร้างจิตและอารมณ์ที่ดีที่สุด พอ 7-11 ขวบ เด็กจะเริ่มรู้เหตุและผล 12 ปีขึ้นไปเด็กจะเข้าใจนามธรรม คอนเซปต์ต่างๆ ไม่ต้องใช้รูปประกอบมาก เมื่อเขาได้รู้และเกิดปัญญา ใช้เหตุผลเป็น ถึงจะเอาไปแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น หลังจากนั้น 12-18 เข้าสู่วัยรุ่นแล้วจะมาหยุดทุกอย่างประมาณ ม.5 หรือ G11 พอเข้า ม.6 หรือ G12 เด็กจะเปลี่ยนไปเลย เข้าใจตัวเอง ควบคุมตัวเองได้ นี่คือธรรมชาติของเด็กคนหนึ่งที่จะโตขึ้นมา

 

ถ้าคุณแม่คนไหนชอบแนวทางการเรียนเหมือนที่ Thai International School แชร์กับเรา โทรไปสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 06-3838-9900 เว็บไซต์ www.thaiinternationalschool.ac.th หรือ Facebook.com/Thaiinternationalschool เลยนะคะ

 

Tags: , , , , ,
21 July, 2017
Family