Mom's Life

แม่ฟูลไทม์คนนี้ ทำสำนักพิมพ์หนังสือเลี้ยงลูกจนดัง เวิร์คกับลูกเราทุกเล่ม!



น้องทราย สุภลักษณ์ อันตนนา คุณแม่วัย 35 ปีแม่ของน้องนลินสาวน้อยอายุ 1.8 ขวบและลูกสาวตัวน้อยที่อยู่ในท้องอีกคนน้องทรายคือเจ้าของสำนักพิมพ์หนังสือที่เราอ่านแล้วชอบมากๆเรื่อง Bringing Up Bébé เลี้ยงลูกแบบผ่อนคลายสไตล์ฝรั่งเศสชอบจนอยากรู้จักเธอพิมพ์หนังสือเล่มนี้ได้ต้องอินดี้ประมาณหนึ่งเลยล่ะเราเลยลองติดต่อเธอดูปรากฏว่าเธอไม่ใช่แค่เจ้าของสำนักพิมพ์แต่เป็นคุณแม่ที่เป็นนักอ่านตัวจริงมาตั้งแต่เด็กๆเลี้ยงลูกเองด้วยและพิมพ์หนังสือไปด้วยน่าสนใจๆนัดเจอเลยดีกว่า

แล้วน้องทรายก็ต้องทำให้เราเอามือทาบอกตอนเจอกัน เธอมาพร้อมรถเข็นลูก มีน้องนลินนอนหลับอยู่ กับท้องของเธอที่น่าจะเกือบๆ คลอดแล้ว และ เธอมาคนเดียว!! “ทรายยยยย นี่มาคนเดียวเลยเหรอ?” “ใช่ค่ะ ปกติชอบพาลูกออกมาข้างนอกด้วยกันอย่างนี้ล่ะค่ะ” ทรายไม่มีพี่เลี้ยง เฮลเปอร์อะไรทั้งนั้น เธอเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่น้องนลินเกิด และถึงกำลังจะมีคนที่สอง แต่ทรายก็ยืนยันว่า เลี้ยงลูกคนเดียวต่อเลยค่ะ สตรองมาก! และยังทำสำนักพิมพ์ของตัวเองอีกเนี่ยนะ?

ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานบริษัท

ร่ายยาวลากกันไปตั้งแต่ทรายเรียนจบ ทรายเคยเป็นแอร์โฮสเตสเจแปน แอร์ไลน์ เคยทำงานมาร์เก็ตติ้ง แล้วรู้สึกอยากไปดูโลกเพิ่ม เธอไปเรียนเอ็มบีเอต่อที่เบอร์ลิน เยอรมันอีกปีครึ่ง แล้วไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น พอกลับมาไทยตอนอายุประมาณ 27 ก็มาช่วยงานที่บ้านต่อเลย บ้านเธอเป็นโรงพิมพ์นี่เอง พิมพ์หนังสือให้หลายสำนักพิมพ์ ทรายเลยได้อ่านหนังสือมากมายมาตั้งแต่เด็ก

ชอบอ่านหนังสือเลยไปเจอหนังสือที่อยากแปลให้แม่ๆอ่าน

ทรายแต่งงานตอนอายุ 31 แต่งได้สองปีก็มีลูก ลูกอินสไปร์ให้ทรายเริ่มสงสัยว่า เอ! ในบ้านเรามีหนังสือเลี้ยงลูกอะไรบ้างนะ ทรายดูๆ แล้วก็รู้สึกว่าน่าจะลองไปอ่านของญี่ปุ่นดูบ้าง เธอชอบเรื่องการศึกษาอยู่แล้ว ก็เลยไปเจอเล่มนี้ “66 คำพูดที่ทำร้ายลูก ที่คุณอาจไม่รู้ พูดกับลูกสไตล์ คุณแม่ญี่ปุ่น” โดนใจน้องทรายจน “อย่างนั้นเริ่มทำสำนักพิมพ์แปลเลยแล้วกัน” ทรายบอกว่า “หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายมาก เล่ยเริ่มทำเลย ดีลกับสำนักพิมพ์ที่โน่นเองเลย อีเมลไป เขาก็ส่งรายละเอียดมาก ช็อคเหมือนกันว่าเขาตอบรับเรา เพราะจริงๆ ส่งไปเกือบสิบที่ ไม่มีใครสนใจ มีของที่นี่ล่ะ ก็เลยทำเลย”

แต่น้องทรายไม่ทำแค่นั้น เธอขอไปเจอกับสำนักพิมพ์ด้วยตัวเอง ก็เลยไปงานบุ๊คแฟร์ที่ญี่ปุ่น “ทรายอยากให้เขาเห็นว่าเราจริงใจ เราอยากทำจริงๆ นะ พอเขาไว้ใจเราแล้ว ก็ทำงานต่อกันได้” แล้วหนังสือเล่มนี้ก็แปลเสร็จเรียบร้อย ถามน้องทรายว่าแม่ๆ อ่านแล้วจะได้อะไร

หนังสือแปลเล่มแรกของเธออ่านแล้วจะรู้ว่าจะพูดกับลูกยังไง

“เล่มนี้อ่านแล้วจะทำให้เราหยุดคิดว่า เราจะไม่พูดอะไรกับลูกแบบนี้ คนเขียนเป็นแม่ญี่ปุ่นลูกสาม เคยทำงานสายโฆษณามาก่อน เธอเขียนจากประสบการณ์จริงๆ ว่าพูดอะไรแล้วจะทำให้ลูกไม่มั่นใจ พูดยังไงถึงจะเอ็มพาวเวอร์ลูก” น้องทรายบอกว่า อ่านแล้วนึกถึงคำพูดที่เราเคยพูดกับแม่เราเลยมันเอ็ฟเฟ็คท์จริงๆนะก็เลยคิดว่าคำพูดสำคัญกับการเลี้ยงลูกมาก   เราอ่านเจอข้อหนึ่งในเรื่องนี้ คุณแม่ญี่ปุ่นเขาเขียนว่า ลูกที่ร้องไห้ๆแล้วเราไปบอกว่าหยุดร้องเดี๋ยวนี้นะเขาก็จะยิ่งเสียใจและร้องหนักขึ้นแต่พอเราบอกว่าร้องให้เต็มที่เลยลูกร้องออกมาเท่าที่อยากร้องเลยกลับทำให้เด็กสบายใจและหยุดร้องเร็วกว่าได้เองเลย อบอุ่นทั้งเล่ม และเอาไปใช้ได้จริง

 

ทำหนังสือต่อมาเรื่อยๆล่ะ หลังจากนั้นเล่มนี้ก็ขายดี เลยทำให้น้องทรายมีกำลังใจ อย่างนั้นทำเล่มต่อมาเลยแล้วกัน หนังสือชื่อ “หนูทำได้ สไตล์มอนเตสซอรี” เป็นเล่มที่น้องทรายบอกว่าชอบมาก เล่มนี้ช่วยแม่ๆเรื่องลูก terrible two ได้ดีเลยจะเปิดมุมมองแม่ว่าฝั่งลูกๆทำไมเขาต้องกรีดร้องทำไมชอบดึงทิชชู่เล่นทำไมชอบหยิบขยะมาให้แม่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เด็กต้องฝึก น้องทรายย้ำว่าเล่มนี้เอาไปใช้แล้วเวิร์คจริงๆ และตอบความอยากรู้ของแม่ๆ ที่งงว่าทำไมลูกเราต้องเป็นอย่างนั้นด้วย

 

เล่มที่ฉีกตำราเลี้ยงลูกของแม่ๆ แต่เล่มที่มากระชากทฤษฎีเลี้ยงลูกของแม่ๆ ไทยอย่างเราๆ ได้ก็คือ Bringing Up Bebe เลี้ยงลูกแบบผ่อนคลาย สไตล์คุณแม่ฝรั่งเศสนี่ล่ะ มัมสกรีมอ่านครั้งแรกนี่ตบโต๊ะฉาดๆๆ อินดี้มาก หลักการว่าแม่ต้องสวยสิของแม่ฝรั่งเศส และหลักฝึกวินัยลูกให้อยู่ แม่จะได้มีเวลาของตัวเอง มันเยี่ยมมาก! เล่มนี้น้องทรายบอก “คนที่ชอบก็จะชอบมากๆ แต่ก็มีคนที่รู้สึกว่าไม่เข้ากับตัวเองเหมือนกัน”

 

ถ้าไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กกินยากอ่านเล่มนี้

และเล่มที่น้องทรายเพิ่มพิมพ์ออกมาได้ไม่นาน แต่สั่นสะเทือนวงการแม่ๆ เราก็คือ “Baby Led Weaning แม่ไม่เหนื่อยป้อน สอนลูกให้กินเอง” ยังคิดเลยว่าเราน่าจะอ่านเล่มนี้ตั้งแต่ลูกเล็กๆ “เล่มนี้อินสไปร์มาจากเห็นลูกพี่สะใภ้ว่าทำไมกินง่ายมากๆ ถามเขา เขาบอกให้อ่านเล่มนี้เลย ก็เลยอ่านแล้วมันดีมาก เลยเอามาแปล” น้องทรายเล่าให้เราฟังต่อ ไอเดียก็คือเขาสอนพวกเราให้ฝึกลูกให้เป็นคนนำการกินเองเราไม่ป้อนเลยหลักการคือพอหกเดือนเด็กนั่งหลังตรงได้ให้นั่งโต๊ะอาหารด้วยแล้วเอาอาหารที่เป็นชิ้นหยิบง่ายๆอย่างแครอทบร็อคโคลี่วางๆให้เขาจับน่องไก่ก็ยังดี ที่สำคัญเลยน้องทรายบอกว่า “แม่ๆ อย่าเพิ่งคาดหวังว่าลูกจะจับแล้วกินนะ เขาจะจับเล่นไปเล่นมา ตกพื้นบ้างอะไรบ้าง ก่อนเล่นเราต้องให้เขากินนมให้อิ่มก่อน ก็คือให้เขาเอนจอยกับการมานั่งโต๊ะกิน ให้เขาอิสระ ไม่ต้องบังคับอะไร เขาก็จะเล่นอย่างนี้ไปทุกวัน อาจไม่กินเลย แล้วพอผ่านไปสองอาทิตย์ เขาก็อาจหยิบมาจ้องดูใกล้ๆ พอผ่านไปสองสามเดือน เหมือนเครื่องเริ่มติดละ เขาก็จะเริ่มกิน และเมามันส์มากด้วย แรกๆ ปล่อยเขา ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย มีแค่ถาดรองอาหารก็พอ”

น้องทรายบอกว่าต้องอดทนกับเขาหน่อยนะแล้วอย่าเพิ่งกลัวมากไปอย่างถ้าเขามีแหวะๆอาหารออกมาก็ให้รอแป๊บให้เขาได้เรียนรู้ว่าจะทำยังไงถึงไม่แหวะได้อย่าเพิ่งกลัวว่าลูกจะสำลักเพราะสำลักต้องมีอาการอื่นอีกด้วย

 

กับลูก.. ไม่ว่ายังไงจะกลับมาที่เรื่องนี้

ทำหนังสือแนวเลี้ยงลูกมาหลายเล่ม เราเลยถามน้องทรายว่า มีหลักเลี้ยงลูกอะไรที่ทำเป็นประจำ และทรายคิดว่ามันสำคัญบ้าง ทรายบอกว่า “เรื่องสบตาลูกค่ะ มันคือการอยู่ตรงนั้นกับเขา ไม่ว่าจะแม่ หรือพี่เลี้ยง คุณยาย ถ้าลูกมาเล่นด้วย ให้หันไปสบตาเขา ให้อยู่กับเขา แล้วถ้าเขาทำอะไรผิด ใช้สายตากับเขาก่อน ยังไม่ต้องโอ๋ เพราะเด็กเรียนรู้ผ่านสายตา” น้องทรายบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมากๆ เธอบอกว่าพลาดไปตอนให้นมลูก คือเธอใช้มือถือดูนั่นนี่ ก็เลยไม่ได้มองลูก  “แต่จริงๆ เขาจ้องตาเราตลอด เขาเรียนรู้ผ่านสีหน้าเราตลอด” น้องทรายเลยแนะนำว่า ก่อนเข้าบ้านแม่ๆ อาจเก็บมือถือไว้เลย และตอนเล่นกับเขาก็ทิ้งมือถือไว้สักพัก และให้สร้างกฎนี้ให้คนที่ช่วยดูลูกเราด้วย ข้อดีคือเขาจะช่วยเหลือตัวเองได้เร็ว มั่นใจในตัวเอง รู้จักสังเกตคนอื่น

และทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างน้องทรายบอกว่า ขอให้ดูสัญชาตญาณเขาและไว้ใจเขาเขาจะเล่นจะคลุกดินอะไรยังไงก็ปล่อยเขาเขาจะได้เรียนรู้เยอะๆและมีอิสระ

ถามว่าถ้าแม่ๆ อยากทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองแบบนี้ล่ะ น้องทรายบอกว่า

หาว่าเราชอบอะไรถนัดอะไรแล้วค่อยๆเรียนรู้ไม่ต้องรีบทำไปทีละอย่างเดี๋ยวทุกอย่างก็จะค่อยๆประกอบร่างกันขึ้นมาเองค่ะ

มัมสกรีมขอขอบคุณน้องทรายเลย มาช่วยอินสไปร์แม่ๆ เรา และถ้าแม่ๆ สนใจหนังสือแนวสำนักพิมพ์ของเธอ ลองเข้าไปที่  www.sandclockbooks.com หรือเข้าเฟซ SandClock Books เลยนา

10 September, 2017
Mom's Life