Mom's Life

บอกลางานมาร์เก็ตติ้งเกือบ 20 ปีของชีวิต ขอทำเสื้อคอกระเช้าสไตล์ตัวเองขายแบบนี้ล่ะ



เจี๊ยบ, คุณแม่น้องข้าวเจ้า สาวน้อยวัย 8 ขวบ, เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Shout & Shine และเพื่อนสมัยมัธยมของเรา เจี๊ยบกล้าลาออกจากองค์กรที่มั่นคง ลาออกจากสายอาชีพที่ถนัด และทำมาตลอดชีวิต คืองานมาร์เก็ตติ้ง เจี๊ยบหันมามองสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ แม่ที่ตัดเสื้อผ้าได้ทุกสิ่ง และลูกสาวที่เธอขอเลี้ยงเองกับมือ อินเนอร์ความกล้าหาญของเจี๊ยบ เลยมาสาดใส่เสื้อผ้าฝีมือแม่ กับไอเดียที่ไม่มีใครเคยทำ เจี๊ยบทำเสื้อคอกระเช้าแบรนด์แรกของเมืองไทย ที่เธอบอกว่า ทั้งใส่สบายที่สุด และเก๋ไม่แพ้เสื้อแบรนด์ไหนๆ เราว่าจริง! และเราว่าดี!

หันมาเห็นเสื้อคอกระเช้า ก็ตอนให้นมลูก

เจี๊ยบเริ่มเล่าถึงแรงบันดาลใจแรกสุดของเธอเลย ก็คือ “ตอนคลอดลูกแม่นี่ล่ะหาเสื้อคอกระเช้ามาให้ใส่ แล้วปรากฏว่าเวิร์คมาก ตอบโจทย์ที่สุด เนื้อผ้าใส่สบาย เข้ากับบ้านเรา คอกว้าง ตัวหลวมใหญ่ ใส่ให้นมได้เหมาะมากๆ แบบใช่เลย” เจี๊ยบเลิฟแพทเทิร์นเสื้อคอกระเช้ามาก บอกว่า “มันสุดยอดเลยนะ เสื้อคลุมได้หมดไม่โป๊ บรรพบุรุษเค้าออกแบบมาแล้ว ถลกขึ้นให้นมได้ชิลล์ๆ” เจี๊ยบเลยหันมาคิดว่า เอ๊ะ! ไม่มีใครเคยทำเสื้อคอกระเช้าเก๋ๆ ขายนี่นา เลยแว่บขึ้นมาเลยว่าอยากทำ

เริ่มคิดให้เสื้อคอกระเช้ามาเป็นแฟชั่น ไอเท็มทันที

เจี๊ยบไม่หยุดอยู่แค่นั้น ลุยต่อกันเลย เจี๊ยบเลยคิดต่อว่า “อยากทำให้ทันสมัย ให้คนรุ่นเก่ารู้จักด้วย ไม่อย่างนั้นสูญพันธุ์แน่ๆ อยากทำให้ไม่ใส่แล้วโดนล้อว่าใส่เสื้อยาย อยากให้คนใส่แล้วเท่ห์” จากเสื้อคอกระเช้า เลยกลายมาเป็นแฟชั่นเก๋ๆ ได้ เจี๊ยบเลยเริ่มจากไปหาเสื้อคอกระเช้าที่มีอยู่แล้ว หาเป็นสีๆ มาก่อน แล้วมาคิดตกแต่งเพิ่ม “จะใส่พู่ ถักเพิ่มติดเข้าไป คิดได้อิสระเป็นสไตล์เราเลย” เสื้อคอกระเช้ารุ่นแรก เธอทำออกมาเป็นเสิ้อคู่แม่ลูก เจี๊ยบให้ลูกสาวใส่อยู่แล้วด้วย ขอบคอเสื้อจะมีถักด้วยมือหมด มีตุ้งติ้งห้อย และที่สำคัญที่สุด เจี๊ยบบอกว่า “แม่ใช้กรรไกรตัดแพทเทิร์นเองทุกตัว กรรไกรรุ่นเก่าด้วยนะ” เสื้อคอกระเช้าของเจี๊ยบเลยไม่เหมือนที่ไหน อย่างเย็บตะเข็บก็เนี้ยบมาก ส่องดูใกล้ๆ จะรู้ว่างานเป๊ะ และตรงคอเสื้อ เธอก็ไปตามหามือถัก ได้ชุมชนแม่บ้านชาวเพชรบูรณ์นี่ล่ะ รับถักให้เธอ เสื้อคอกระเช้าของเจี๊ยบเลยเรียกได้ว่า คืองานฝีมือล้วนๆ

 

ใช้ทุนไม่กี่หมื่น และขายแบบปากต่อปาก

หัวใจอย่างหนึ่งของแบรนด์เจี๊ยบก็คือ เธอเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองมี และถนัด แล้วค่อยๆ ขยับ ตอนที่ทำเสื้อคอกระเช้ามาขาย เจี๊ยบยังทำงานประจำอยู่ด้วยซ้ำ และเริ่มด้วยทุนเพียงสองหมื่นบาท เธอบอกว่า “เราไม่เน้นลงทุนเยอะ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่อยากแบบรับค่าใช้จ่ายอะไรเกินตัว แล้วต้องมาปิด เราทุนน้อย ก็เลยใช้ความใส่ใจสิ่งที่ทำนี่ล่ะ กับสไตล์ของเราเองเป็นจุดขาย” เจี๊ยบเริ่มขายเพื่อนๆ ก่อน แล้วก็ปากต่อปากกันไปเรื่อยๆ จนแบรนด์เริ่มมาเป็นที่รู้จักมากขึ้นตอนที่เจี๊ยบไปออกงานบ้านและสวนแฟร์ หลังจากนั้นมีศูนย์ศิลปาชีพมาติดต่อเธอให้เป็นสมาชิกเลย เพราะบอกว่าแบรนด์เธอเป็นเจ้าแรกที่ปลุกเสื้อคอกระเช้าให้กลับขึ้นมาอีก แล้วหลังจากนั้นก็มีห้างใหญ่ๆ ชวนไปออกบูธต่อด้วย แล้วก็มีไปขายเองที่เค วิลเลจเป็นประจำ

ขายไปได้ 3 ปี ถึงลาออกจากงานประจำ

พอขายไปได้ เริ่มมีฐานลูกค้า มีคนซื้อเพราะชอบเสื้อเธอจริงๆ “คือพอลูกค้าเริ่มเชื่อในความเป็นเรา เชื่อว่าของเราดี ใส่แล้วจะดูดี เราก็รู้แล้วว่าเรามีกลุ่มคนซื้อแน่ๆ ของเราแล้ว เลยกล้าลาออกเลย” เป็นกลยุทธิ์หนึ่งในการสร้างแบรนด์ของเจี๊ยบด้วย เพราะเจี๊ยบไม่เชื่อเรื่องขายในออนไลน์ บู๊สต์เพจขายอะไรแบบนี้ เจี๊ยบบอกว่ามันทำให้เจี๊ยบไม่รู้จักลูกค้าจริงๆ และการได้รู้จัก ได้คุยกับลูกค้านี่ล่ะ จะต่อยอดไปเจอสิ่งอื่นๆ ต่อไป กลยุทธิ์เพื่อนแนะนำเพื่อนคือเป็นสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับเธอ

หลังจากเสื้อคอกระเช้า เลยเกิดเป็นเดรส เป็นโจงกระเบน

แล้วเจี๊ยบก็เริ่มตัดเดรส ตัดโจงกระเบนเด็ก แต่จะเดรสยังไงก็ยังคงความเป็นเสื้อคอกระเช้าอยู่ ลายผ้าก็สวยขึ้นเรื่อยๆ และผ้าส่วนใหญ่ที่เอามาตัด เป็นผ้าที่เธอเก็บสะสมไว้เองเลยด้วยซ้ำ เจี๊ยบบอกว่า “ลูกค้าที่ชอบแต่งตัวแนวๆ ก็จะเลิฟ” ทุกคนหลงรักเสื้อคอกระเช้าลายจุดของเธอมาก ทั้งฮิป และย้อนยุค และตรงคอที่ถักเพิ่ม ถ้าเก็บไปสัก 20 ปี กลายเป็นเสื้อวินเทจแน่นอน ใส่เสื้อเจี๊ยบจะเหมือนใส่งานฝีมือ ใส่ปลายนิ้วของผู้หญิงในชุมชน บางครั้งถ้าช่างถักทำให้เธอไม่ทัน เจี๊ยบบอกว่า “ยังเคยให้ผู้หญิงในเรือนจำทำให้เลย ทำออกมาสวยมากๆ ด้วย เหมือนช่วยสร้างอาชีพให้เขา งานเราเลยเหมือนทำมาจากหัวใจของผู้หญิงด้วย” แต่ทุกชิ้น ทุกตัวแม่เธอก็ยังคงเป็นคงง้างกรรไกรตัดแพทเทิร์นเองหมด

แล้วก็มาเป็นชุดมูมู่ ชุดที่แม่ๆ ทั่วออนไลน์ฮิตใส่กัน

เจี๊ยบเล่าต่อว่า “ชุดมูมู่นี่เป็นแพทเทิร์นของคนอาฟริกัน เริ่มมาจากว่าเราชอบใส่ มันสบายดี แล้วก็ฟรี ไซส์ได้ เหมาะกับอากาศเมืองไทยมาก เลยตัดใส่เอง แล้วก็เลยทำขายเลย” ชุดมูมู่ของเจี๊ยบ ตรงคอจะมีตกแต่งไม่เหมือนใคร และมีของลูกสาวออกมาคู่กันแม่ลูกด้วย น่ารักมากๆ

ถามเจี๊ยบว่า พอได้ออกมาทำของตัวเอง ต่างกันมากมั้ยตอนทำงานประจำ

สิ่งที่เจี๊ยบบอกเป็นอย่างแรกก็คือ “เราเป็นเจ้าของเวลาของเราเอง เราได้ปลดล็อคพันธนาการทุกอย่างของชีวิต เพราะเวลาคือตัวตั้งต้นทุกอย่าง เราบริหารเวลาตัวเองได้ แล้วทุกอย่างเลยตามมาหมด” เจี๊ยบดูแลลูกด้วยตัวเอง มีเงินเดือนให้คุณแม่ เลือกผ้า เลือกวัตถุดิบมาให้คุณแม่ผลิต เอาไปขาย และอีกสิ่งคือเจี๊ยบไม่ทิ้งคอนเน็คชั่นกับสังคมทำงานที่เคยเจอมา เลยทำให้เจี๊ยบไม่รู้สึกเฉาเลย เรื่องรายได้ก็เอาอยู่ เลี้ยงลูกได้แบบไม่ต้องพึ่งใครแน่นอน เจี๊ยบบอกว่าอาจไม่ได้อลังการมากนัก เพราะเธอยังไม่ได้มาแนวขยายตลาดอะไรเท่าไหร่ แต่พอใช้มากๆ สิ่งที่ได้ที่สุดคือ ไม่เครียดเลย ไม่ต้องฝากใครรับลูก ได้ดูแลแม่ และมีเวลาให้ตัวเองเต็มๆ

ถ้าแม่ๆ อยากทำธุรกิจของตัวเองบ้างล่ะ?

เจี๊ยบก็พูดเหมือนเดิมคือ ทำสิ่งที่เรามีอยู่ และถนัด อย่างเธอมีฝีมือของแม่อยู่ข้างตัว และชอบเรื่องเสื้อผ้า ชอบเดินหาผ้า เจี๊ยบเคยสั่งช้อปชุดเด็กให้ลูกมาแล้วทุกแบรนด์ เธอเข้าใจเรื่องเสื้อผ้าเด็ก รู้ว่าตลาดยังไม่มีอะไร และใช้ความเป็นแม่เป็นตัววัดว่า ผู้หญิงที่มีลูกสาวจะชอบใส่อะไรนั่นเอง หัวใจคือ เจี๊ยบบอกว่า “ควรเริ่มจากเล็กๆ แต่เราต้องทุ่มเททำสินค้าให้ดีจริงๆ และแตกต่างจริงๆ เราจะรู้ว่าต่างจากคนอื่นก็คือต้องหาข้อมูล หรือเคยเป็นคนชอบซื้อมาก่อน ก็จะรู้เรื่องราคา เรื่องสไตล์ เนื้อผ้า”

“เราเชื่อในสินค้าเรา ก็เลยไม่พยายามทำอะไรมากเกินตัว พยายามใช้เงินให้น้อยที่สุด ถ้าใครไม่มีทุน เริ่มจากเอาของลูกนี่ล่ะ มาขายมือสองเลย แล้วพอได้เงินก็ค่อยๆ คิด ใช้เงินที่เรามีให้พอเพียง เดี๋ยวเราก็จะหาอะไรแตกต่างได้เอง” เจี๊ยบเล่าถึงอินเนอร์ของเธอให้เราฟังตอนท้ายอีกว่า “ถ้าใครบอกเราว่าเราขายเสื้อผ้า เราจะบอกว่า เราขายสไตล์มากกว่า ขายความเป็นเรานี่ล่ะ”

มัมสกรีมฟังเจี๊ยบไป ก็นั่งลูบเสื้อคอกระเช้าคอถักของเธอไป หมายมั่นว่าจะถอยสักสองสามตัวไปใส่เอง กับให้ลูกสาว และให้เป็นของขวัญเพื่อนนี่ล่ะ ดูแทนใจได้ดีมาก และสไตล์ยังไงก็ไม่เอาท์ นี่ถ้าไปเดินเล่นแถวปารีสแล้วใส่ล่ะก็ น่าจะมีคนพุ่งเข้ามาถามเราว่าซื้อที่ไหนแน่ๆ

ขอขอบคุณคุณแม่เจี๊ยบ พรศรี ลัดพลี คุณแม่ของน้องข้าวเจ้า กับแบรนด์เสื้อคอกระเช้าที่ฮิปที่สุด

IG: @shout.shine แม่ๆ อ่านจบน่าจะกดเข้าไปสั่งรัวๆ แน่ๆ เอนจอยกันเลยค่ะ

16 September, 2017
Mom's Life