Mom's Life

ตัดสินใจครั้งนี้ยากที่สุดในชีวิต! เธอเลือก “ยุติการตั้งครรภ์ “ เมื่อเจอลูกเป็นดาวน์ฯ



อีฟเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยที่เราเห็นความน่ารัก สดใส พูดเก่งมากมาตั้งแต่สมัยเรียน เจอกันอีกครั้งในเฟซบุ๊ค อีฟกลายเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ที่มีลูกน่ารักวัยกำลังโต ใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขในตุรกี แต่เราก็ต้องตกใจตอนที่รู้ข่าวจากโพสต์ที่อีฟเล่าว่าเพิ่งยุติการตั้งครรภ์ เพราะตรวจคัดกรองเจอว่าลูกมีความเสี่ยงเป็นดาวน์ซินโดรม หัวใจที่ยังต้องเข้มแข็งของเธอเป็นอีกบทเรียนมาบอกเล่าให้กับคุณแม่ Momscream ไว้เป็นกำลังใจและเป็นความรู้กับคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวมีน้องว่าการตรวจคัดกรองไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็สำคัญมากๆ

 

อีฟ-อัญชิสา บาราน, 33 ปี

 

อีฟได้เจอกับแฟนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน บินไปมาหาสู่กันระหว่างตุรกีกับเมืองไทย คบกันซักพักก็แต่งงานจดทะเบียนย้ายไปอยู่ที่ตุรกี ตอนนี้เธอมีลูกชายอายุ 8 ขวบกับลูกสาวอายุ 6 ขวบ การท้องสองครั้งที่ผ่านมาปกติดี ไปตรวจทุกเดือน อัลตร้าซาวน์ทุกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามปกติมีเจาะเลือดไปตรวจ ดูเบาหวาน ดูอัตราการเต้นของหัวใจ แล้วก็มีข่าวดีเกิดขึ้นกับเธออีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว

 

“อีฟมีแพลนจะกลับเมืองไทย คิดว่าจะไปฝังยาคุมใต้ท้องแขน เพราะแม่อีฟทำงานที่โรงพยาบาล กลับมาคุยภาษาบ้านเรากับคุณหมอดีกว่า เพราะเราไม่มีแพลนจะมีน้อง ตอนนี้ 33 คิดว่าเราสบายแล้ว กำลังจะหางานประจำทำ แล้วอยู่ๆ ก็มารู้ตัวว่าท้อง ช็อคเลยทั้งอีฟ สามี ที่บ้าน แต่ก็โอเค เขาอยากมาอยู่กับเรา เราก็รัก เราอยากได้ลูกสาวอีกคนเหมือนกัน”

 

เจอบางอย่างผิดปกติ!

อีฟกลับไปหาคุณหมอท่านเดิมฝากท้องจนถึงสัปดาห์ที่ 11 ที่ไปตรวจก็เจอว่าต้นคอเด็กหนาผิดปกติ “เรากำลังจะบินกลับเมืองไทยอีก 3 วัน เพราะจะพาเด็กๆ ไปเยี่ยมคุณแม่ น้องสะใภ้ก็ท้องเหมือนกันเลยบอกว่าสัปดาห์ที่ 11 เขาจะตรวจความหนาของต้นคอดูความผิดปกติในขั้นต้น สัปดาห์นี้โอเคที่สุด เราก็ยังคิดว่าจำเป็นเหรอ แต่เราจะกลับไทยตั้ง 1 เดือนเลยไปตรวจหน่อยแล้วกัน คุณหมอก็บอกว่าจะส่งไปแผนกอัลตร้าซาวด์โดยเฉพาะ ก็เป็นหมออีกคนนึง ทุกอย่างปกติ ความกว้างศีรษะ หมอมาหยุดตรงต้นคอเด็ก เขาดูอยู่ 5 นาที แล้วบอกว่าทำไมหนาจัง อีฟก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ถามว่าหนามากเลยเหรอคะ เค้าบอกว่าเด็กปกติไม่เกิน 2-3 มม. แต่ลูกคุณแม่ 5 มม. หมอก็ไม่แน่ใจก็ส่งเรากลับไปตรวจตอนแรก มีให้เลือกว่าตอน 17 สัปดาตรวจน้ำคร่ำ กับ 13 สัปดาห์ตรวจ Nifty Test คัดกรองดาวน์ซินโดรม อีก 2-3 วันจะกลับเมืองไทยแล้ว อีฟคิดว่าไปเจาะ Nifty Test ที่เมืองไทยดีกว่า ไม่อยากรอถึง 17 สัปดาห์ เหมือนมีอะไรค้าง 13 สัปดาห์ก็เจาะไปเลย ตอนขับรถกลับบ้านก็คิดตลอดว่าเฮ้ย ลูกเราเสี่ยงเป็นดาวน์ฯ เหรอ แต่คุณหมอก็อธิบายดีนะคะ เขาบอกว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เครื่องมืออาจผิดพลาด แล้วเรื่องชั้นต้นคอจะยุบไปเองภายในสัปดาห์ที่ 13 หรืออาจเป็นต่อมน้ำเหลืองโต เป็นไปได้หมด หมอก็พยายามพูดให้เราสบายใจ เราขับรถกลับบ้านร้องไห้เลย คิดว่าถ้าลูกเป็นจะทำยังไง”

 

 

แท้งคุกคามตามมาอีก

ความเครียดยังไม่ทันหาย พอกลับบ้านปุ๊บ อีฟรู้สึกเหมือนเมนส์มา มีเลือดไหลออกมาเยอะมากจนเธอตกใจ “รีบโทรบอกหมอ หมอบอกว่าให้นอนเฉยๆ หรือถ้าแฟนพามา รพ. ได้ ก็มาเลยนะ ตอนเย็นแฟนเลยพาไป รพ. หมอบอกว่าเป็นอาการแท้งคุกคามเบื้องต้น หมอให้แคนเซิลตั๋วกลับไทย เพราะต้องนอนห้ามลุก ห้ามขยับ ตั๋วในประเทศนอกประเทศซื้อหมดแล้ว กระเป๋าจัดแล้ว เราขอว่าคุณหมอช่วยหาทางให้หน่อยได้มั้ย หมอเลยสั่งยาฉีดกันแท้ง ห้ามยกของหนัก ห้ามขยับตัว ให้ขยับตัวน้อยสุด ความเป็นจริงพาลูกสองคนกลับไทยโดยที่แฟนไม่ได้ไปด้วย มันทำยากมากนะคะ ขึ้นเครื่องในประเทศ จากอิสตันบูลมากาตาร์ แล้วมากรุงเทพ ลูกสองคนอีก”

 

“คุณหมอก็ให้เราไปฉีดยากันแท้งตอนที่มาถึงเมืองไทย ระหว่างฉีดเลือดก็ออก แต่ค่อยๆ จางไปใน 10 วัน เราก็คิดบอกลูกว่าอยู่กับแม่นะลูก ไปเที่ยวเมืองไทยกัน สัปดาห์ที่ 13 ก็ตรวจ Nifty Test บ้านอีฟอยู่นครสวรค์ ก็ไปหาหมอที่นั่น รอผล 3 สัปดาห์ อีก 4 วันอีฟจะกลับมาตุรกี ที่บ้านแพลนไปเที่ยวพัทยา ตอนเช้าได้ยินแม่คุยกับน้าว่าจะไปหาหมอที่ไหนเจาะน้ำคร่ำ อีฟก็สงสัยทำไมเหรอ เจาะน้ำคร่ำอะไร แม่บอกว่าผลออกมาแล้ว แม่ไม่อยากบอกเรา คือผลไม่ดีเลย เขาเลยอยากให้เจาะน้ำคร่ำ ใจมันลงไปถึงตาตุ่มเลย ข้างในตื้อๆ มือเย็นๆ แต่เราก็บอกที่บ้านไม่เป็นไร เดี๋ยวเจาะน้ำคร่ำ เราไม่อยากทำบรรยากาศเสีย เพราะจะไปทะเลกัน”

 

“เราเช็คหลายๆ รพ. แต่ดูแล้วไม่ทันวันกลับมาตุรกี เลยบอกที่บ้านว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับมาเจาะที่ตุรกีเอา อีฟก็บอกทุกคนว่าโอเค แต่ข้างในไม่โอเคเลย ในเทสต์ที่ส่งผลมาทางอีเมล์แจ้งว่าโครโมโซมคู่ที่ 21 ผิดปกติ โอกาสเสี่ยง 1:20 เสี่ยงมาก แล้วคู่ที่ 21 ก็รู้ว่าเป็นดาวน์ซินโดรม ตอนนั้นคิดในใจว่า 20 คนเรียงกัน ฉันไม่น่าเป็นหนึ่งในนั้น ฉันอายุ 33 ยังไม่ถึงเกณฑ์ บางคน 1:8 ลูกเขายังปกติ คิดบวก แต่ก็มีอีกโมเมน์ แล้วถ้าลูกเราเป็นจะทำไง ก็คิดเผื่อเอาไว้ เรามีธงในใจ ถ้าเป็นจะทำไง เราก็ค่อยๆ ยอมรับ”

 

พบหัวใจของลูกรั่ว

อีฟบินกลับมาที่ตุรกีเพื่อมาเจาะน้ำคร่ำ หมอขออัลตร้าซาวด์อีกรอบ “หมอบอกว่ากระดูกตรงจมูกเล็กมาก ชั้นต้นคอยังหนามากอยู่เลย อีกอย่างที่เป็นความผิดปกติที่เจอคือ ผนังหัวใจเหมือนจะรั่ว หมอพบว่ามีจุดขาวๆ ตรงหัวใจ หมอบอกว่าเด็กเกิดมาอาจมีปัญหาหัวใจ อาจต้องผ่าตัดบ่อยๆ อีฟบอกเจาะน้ำคร่ำเลยค่ะ ถ้าเราจ่ายเพิ่มนิดนึงให้ได้ผล 5-7 วันไม่ต้องรอ 3 สัปดาห์…ผลออกเขาก็โทรไปแจ้งแฟนว่าโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา ผลนี้น่าเชื่อถือถึง 99% เราตัวชาไปหมด อีฟก็เผื่อใจไว้แล้ว เขาก็มีเอกสารถึงขั้นตอนที่จะเกิดขึ้น อีฟบอกแฟนว่าขอยุติการตั้งครรภ์ได้มั้ย เค้าก็บอกว่าให้อีฟตัดสินใจเลยว่าอีฟอุ้มท้อง 9 เดือน อีฟจะต้องเลี้ยงเขา อีฟเป็นแม่ เขาไม่อยากตัดสินใจอะไรแทนอีฟ ถ้างั้นเราก็ขอเอาเขาออก วันจันทร์ก็ไปทำเรื่อง ไปยุติการตั้งครรภ์ในสัปดาห์ที่ 17 ก่อนจะ 18 สัปดาห์ก็ถือว่ารู้เร็วเลยตัดสินใจได้”

 

ช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดในชีวิต

“พอไปทำเอกสาร หมอก็ให้นอนแอดมิด นอน 11 โมงครึ่ง พยาบาลฉีดยาเร่งคลอดทางสายน้ำเกลือ อีฟรู้สึกว่าปวดท้องเหมือนมีเมนส์ ยังไม่ใช่ปวดแบบคลอดธรรมชาติ 4 โมงเย็นน้ำเกลือหมด เราก็บอกว่าแค่ปวดท้องนิดๆ จนพยาบาลตรวจมดลูก ยังไม่เปิดซักเซนต์เลย 6 โมงหมอมาตรวจ หมอบอกว่าให้ร่างกายเราค่อยๆ ขับมาเองจน 2 ทุ่มเขาเอาเหมือนเป็นยาตัวนึง ถ้าเมืองไทยจะหนีบช่องคลอด แต่ที่นี่ให้อมใต้ลิ้น อมถึงซัก 4 ทุ่ม ตอนนั้นแฟนไปหากาแฟกิน อีฟลุกไปเข้าห้องน้ำ เดินกลับมาเหมือนมีอะไรหล่นมาดังโพละ เลยรู้ว่าถุงน้ำคร่ำแตก พยาบาลบอกให้คุณแม่เดินมาอีกห้องนะ แฟนขึ้นมาค่อยๆ พยุงพาเดิน เรารู้แล้วว่านี่ปวดท้องคลอดลูก มันปวดจริงๆ เลยขอนอน พยาบาลบอกค่อยๆ เบ่ง ก็ประมาณครึ่งชม.  ได้ เหมือนมีอะไรหลุดออกมา ความเจ็บก็ค่อยๆ บรรเทาลง แฟนเรียกพยาบาล เขาออกมาแล้ว เอาเท้าออก หัวยังติดอยู่ ตอนนั้นปวดมาก หัวใหญ่สุด พยาบาลให้เบ่ง น้ำหูน้ำตาไหล อีกใจก็เจ็บอีกใจก็สงสาร ใช้เวลา 15 นาทีเขาก็หลุดออกมา เราบอกแฟนให้พยุงตัวหน่อยอยากเห็นหน้าเขา สิ่งที่เราเห็นคือเขาเหมือนเด็กน้อย 4 เดือนที่เราดูการเจริญเติบโตในอินเตอร์เน็ต มีนิ้ว มีปาก ตา หู แค่ยังเล็กๆ เราก็บอกแฟนว่าพอแล้ว”

 

 

“ตอนนั้นถามตัวเองตลอดว่าตัดสินใจถูกแล้วเหรอ มีพ่อแม่หลายคนที่เขาตัดสินใจเอาลูกเขาไว้ เขาเข้มแข็งกว่าเราอีกนะ เราก็ถามแฟนคำถามนี้มาตลอด แฟนบอกเราทำดีที่สุดแล้ว เพราะรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวด ป่วย เข้า รพ. การเข้าสังคมก็จะเป็นอีกปัญหา อีฟคิดว่าก็จริง อีฟว่าถ้าเราตายก่อนลูก แค่ลูกสองคนที่เป็นปกติ เรายังคิดว่าเขาโตมาจะทำงานอะไร แต่งงานจะเป็นยังไง ถ้ามีลูกเป็นดาวน์ อีฟไม่เป็นห่วงมากกว่านี้พันเท่าเลยเหรอ เขาจะใช้ชีวิตในโลกยังไง นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอีฟ ก็พยายามคิดแบบนี้ หลังจากพักฟื้น หมอก็มาตรวจ นอนอีกวันก็กลับบ้านได้ รพ. ที่นี่ก็จะห่อศพให้เรากลับไปทำพิธี ตอนนั้นแม่สามีจัดการให้ เอาไปฝังสุสานของบ้านอีฟ เขาบอกว่าโอเค เราทำดีที่สุดแล้ว ทุกคนเข้าใจ ทุกคนเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ ทั้งพ่อแม่ฝ่ายสามี บ้านอีฟ เป็นทางออกที่ดีที่สุด ก็ค่อยๆ พักฟื้นร่างกาย ก็ทุกวันพยายามทำตัวให้ยุ่งกับลูกๆ สองคน พยายามไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่คนเดียว จะคิดอีกแล้วว่าเราทำถูกแล้วเหรอ แต่พอคิดแป๊บเดียว เราต้องสอนลูกทำการบ้าน อบขนม พาลูกไปข้างนอก หาอะไรทำดีกว่าเราอยู่คนเดียว และเวลาทำให้เราค่อยๆ ดีขึ้น ตอนนี้ผ่านมาสัปดาห์กว่าๆ แล้วค่ะ”

 

 

กำลังใจจากลูกทั้งสองคน

ความเข้มแข็งของอีฟทำให้คนเป็นแม่อย่างเราต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้เกือบแย่ระหว่างที่คุย เพราะเธอบอกว่าร่างกายของคนเป็นแม่ คลอดแล้วน้ำนมจะมา ฮอร์โมนค่อยๆ ปรับลงมีผลกับอารมณ์อีก “ร้องไห้อยู่ตลอด แล้วก็เจ็บคัดนม ต้องหันไปบอกแฟนว่าอดทนฉันหน่อยนะ อารมณ์จะเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เราชอบคิดว่าถ้าเขาอยู่กับเรา เขาได้กินนมแล้ว เราก็ร้องไห้ๆๆๆ ดีที่แฟนอยู่กับอีฟตลอด ซัพพอร์ตว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เราปล่อยให้เขาไปสบายตอนนี้ดีกว่า แฟนเข้าใจที่อยู่ดีๆ ก็นั่งเศร้า เพราะเราคลอดเขาออกมา ลูกไม่อยู่กับเรามันทรมานมาก”

 

“กำลังใจมาจากลูกๆ เลยค่ะ ลูกสองคนไม่รู้ว่าน้องเสียจนมีวันนึงเขาถามว่าน้องดิ้นหรือยัง เพราะตอนนั้น 4 เดือน แล้วอีฟก็ไม่ได้บอกอะไร วันนึงมีญาติมาเยี่ยม เขาได้ยินญาติคุยกัน เขาถามว่าน้องไม่อยู่แล้วเหรอ อีฟบอกน้องไม่สบายแล้วน้องไม่อยู่กับเรา น้องอยู่สุสาน เราไปหาน้องบ่อยๆ ได้ เวลาอีฟร้องไห้ เขาก็พูดว่าไม่เป็นไร พวกเราก็อยู่นี่ไง เราก็อยู่กับแม่ไง แม่ต้องเข้มแข็งสิ มันก็จริง ต้องยอมรับว่าเรามีลูกอีกสองคน เราจะมานั่งร้องไห้ มันไม่ใช่อ่ะ ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า เลยค่อยๆ ดีขึ้น มีลูก มีสามี มีญาติ มีเพื่อนคอยซัพพอร์ต เลยทำให้ฟื้นได้เร็ว”

 

 

ไม่มีถูกหรือผิด…แต่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ

“เราก็ถามนะว่าทำไมต้องเกิดกับเรา อีฟเคยบอกกับแฟนว่าฉันไม่ใช่คนดี 100% แต่ฉันก็ไม่เคยไปฆ่าใคร แต่หลังเหตุการณ์นี้เราคิดว่าใช้คำนี้ไม่ได้แล้ว แฟนก็บอกว่าเธอคิดอย่างนี้ได้ยังไง เราไม่ได้ตั้งใจขับไล่ไสส่ง แล้วที่นี่ไม่มีวัด อีฟจะสวดมนต์ก่อนนอน ไม่มีวัดให้เราทำบุญ เราก็ทำบุญกับคนอพยพ บริจาคเสื้อผ้า อีฟอุทิศส่วนกุศลทั้งหมดให้เค้าอยู่ในภพในภูมิที่ดื เราก็จะทำ และทำต่อไป เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เรายังมีตัวเล็กสองคน ต้องเลี้ยงดู เก็บเขาไว้ข้างในใจของเราตลอดไปดีกว่า”

 

 

อายุเท่าไหร่ก็ต้องตรวจคัดกรอง

อีฟฝากให้คุณแม่ที่กำลังท้องและอายุไม่เยอะให้ตรวจคัดกรองตามขั้นตอน ตรวจความหนาชั้นคอเด็ก ตรวจเลือกหรือถ้ามีกำลังทรัพย์ก็ Nifty Test เลย “อีฟรู้เร็วเลยได้ตัดสินใจเร็ว ถ้ารู้ตอนสัปดาห์ที่ 24-25 ทำใจลำบากนะ แฟนอีฟเคยบอกว่าธรรมชาติเขาคัดกรองสิ่งที่ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่ที่เจอแล้วเก็บลูกไว้ตั้งใจเลี้ยง อีฟยอมรับเลยว่าเขาเก่งมากๆๆๆ บางครั้งไปอ่านเรื่องของหลายคน เขาผ่านจุดที่เขารู้ ทำใจและเดินต่อไป แต่ส่วนของเราก็ทำดีที่สุดแล้ว สิ่งที่ทำได้คือทำดีต่อไป สวดมนต์ ทำทานส่งไปให้เขา อะไรก็ได้ให้เราสบายใจและรับรู้ว่าเขาก็สบายเหมือนกัน” หลังจากคุยกับอีฟเสร็จ คนเป็นแม่อย่างเราถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่งกำลังใจไปให้เธอ และบอกว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น เราขอนับถือในความสตรองของคุณแม่อีฟที่ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วจริงๆ….

Tags: , , , ,
9 October, 2017
Mom's Life