Mom's Life

เลี้ยงลูกคนเดียวทุกหยด! แต่ก็ต้องขอสวย + แซ่บด้วยค่ะ! ฮอตมัมตัวจริงมาก



น้องปิ่นเคยเป็นพีอาร์สาวในบริษัทบิวตี้ชั้นนำ เธอเป็นพีอาร์ยิ้มประหาร คือไม่ว่าจะเจอเธอที่ไหน เมื่อไหร่ เธอจะมาพร้อมรอยยิ้ม ที่ยิ้มทั้งหน้า ทั้งตา ตอนรู้จักกันใหม่ๆ ปิ่นยังไม่ได้แต่งงาน แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเธอกับแฟนคบกันมาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว แล้วปิ่นก็แต่งงาน แล้วปิ่นก็มีลูก และล่าสุดเจอเธอ ปิ่นบอกว่า “เลิกแล้วนะพี่ ตอนนี้เลี้ยงลูกคนเดียวเลยค่ะ แต่ก็มีความสุขดีมากๆ”

เรานัดเจอปิ่นที่ร้านกาแฟเก๋ๆ เน้นว่าต้องเก๋เพราะความเป็นแม่ ทำให้เราไม่ค่อยเปิดโลกใหม่ๆ ให้ตัวเองกัน ทันทีที่เจอปิ่นต้องร้องแบบ “ว้าวววววววววว” แรงมากๆ เพราะปิ่นใส่ฮอต แพ้นท์ลูกไม้สีดำ ที่สั้นมากๆ กับบู๊ทดำสูงครึ่งแข้ง ปิ่นชวนเรานึกไปถึงวง Spice Girl เธอคือสปอร์ตี้ สไปซ์แน่ๆ! และเธอมียิ้มหวานจับใจเหมือนเดิม

ปิ่นยังสดใส นุ่มนวล ที่เพิ่มมาก็คือความแซ่บปรี๊ดที่เรานับถือเธอมาก แล้วเราก็เริ่มรัวคำถามกันเลย อยากรู้ที่สุดคือชีวิตแม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่เธอคบมา 20 ปี เป็นพ่อของลูกเธอ และต้องเลิกรากันไป เผื่อว่าเรื่องของปิ่นจะทำให้แม่ๆ ที่เจออะไรคล้ายๆ กัน มีกำลังใจขึ้นมาสู้โลกกันต่อไปได้ด้วย

มีสัญญาณบอกตั้งแต่ตอนคบกันแล้ว เขาเจ้าชู้มาตลอด

ไม่เคยรู้เลยว่าปิ่นต้องเจออะไรบ้าง จนเธอบอกว่า “เป็นแฟนกันมา 20 ปี ก็มีทะเลาะกันตลอด เพราะเขาเจ้าชู้ เราก็ยอม ด้วยความอยากเอาชนะ เราคิดว่าจะเอาความดีเข้าสู้ คิดเลยว่าเราจะเปลี่ยนผู้ชายคนนี้ให้ได้” หลังจากนั้นน้องปิ่นก็ถูกขอแต่งงาน เธอแต่งงานตอนอายุเข้า 31 ปี ปิ่นบอกว่าตอนนั้นคิดว่าอายุมากแล้วนะ “แต่ปิ่นพูดจริงๆ เลยว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่แต่งตอนนั้นแน่นอน ไม่ควรรีบเลย แต่งตอน 35-36 ก็ยังได้อยู่” เพราะปิ่นบอกว่าอายุช่วงสามสิบต้นนี่ยังเด็กอยู่มาก ถ้าจะให้ดีปิ่นแนะนำว่า ควรแต่งงานตอนที่เรารู้สึกว่าเราอยู่ตัวกับตัวเองแล้วมากกว่า

หลังแต่งงาน เจอแต่อะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน

ปิ่นบอกว่าคิดว่ารู้จักกันดีแล้ว คบกันมาตั้ง 20 ปี ผ่านเรื่องเจ้าชู้อะไรมาก็หลายครั้ง แต่เธอก็ยังเจออะไรไม่คาดคิดอยู่ดี เรื่องใหญ่มากของน้องปิ่นอาจจะทำพวกเราคิดในใจว่า “จริงสิ เรื่องนี้น่ะหรือ?” แต่สำหรับเธอถือเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ “ไม่เคยรู้ว่าเขานอนกรนหนักมากค่ะ ปิ่นเซนซิทีฟกับเรื่องนี้มาก คือจะเกิดอาการประสาทร้าวเลย นอนไม่ได้ทั้งคืน ตื่นมาอีกวันทำอะไรไม่ได้ ปวดหัวทั้งวัน แล้วแยกห้องนอนก็ไม่ได้ เพราะอยู่บ้านเขา” ปิ่นไม่สามารถทำงานได้เลย ชีวิตไม่ฟังก์ชั่นสุดๆ เธอเลยตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านแม่ “มันทรมานมาก เขาพยายามช่วยแล้วนะ แต่ก็ยังไม่เวิร์ค” ถามปิ่นว่าถ้ารู้ก่อนหน้าแต่งว่าเขานอนกรน จะยังแต่งมั้ย ปิ่นบอกชัดเจนเลยว่า “ไม่แต่งแน่ๆ ค่ะ”

ยังมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาให้รำคาญใจด้วย

มีเรื่องผู้หญิงมาแพลมๆ ทำให้ปิ่นรู้สึกว่าเขาไม่สนใจเธอเลย แล้วเขามาหาว่าเธอหึง ซึ่งปิ่นถือเป็นหญิงแกร่งใจแข็งคนหนึ่งที่เธอบอกว่าไม่เคยหึงเขาเลยจริงๆ เพราะชินมากกับนิสัยแบบนี้ แล้วพออยู่ๆ กันไปนานขึ้นๆ ปิ่นก็เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่รักเธอแล้ว “มันคือความเฉยชาต่อกัน จริงๆ ตอนนี้ปิ่นจำไม่ได้เลยนะ เพราะปิ่นไม่ค่อยลงดีเทล ไม่วีน ไม่หึง แค่คิดกับตัวเองว่า ก็ในเมื่อไม่เหมือนคนรักกันแล้ว ทำไมเราต้องทนอยู่ด้วยกัน” ปิ่นเป็นสาวใจเด็ดที่สุดในสามโลก เมื่อเธอหาเหตุผลไม่ได้ว่า ถ้าไม่รู้สึกว่าเรารักกัน แล้วจะอยู่กันไปทำไม เธอเลยคิดว่า อย่างนั้นก็เลิกกัน ก็ไม่ต่างอะไรนี่นา “บอกเลิกเขาเลย เขาบอกทำไมต้องเลิก เพราะเราก็ไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่ไม่ได้คุยกัน ไม่มีอะไรมาแชร์กัน” สำหรับเขา เขายังโอเคที่จะอยู่กับปิ่น แต่สำหรับปิ่น เธอไม่โอเค เธอเป็นผู้หญิงที่ ไม่ขอทน ไม่อยากอึดอัดใจ

แล้วเธอกับเขาก็มีลูกด้วยกัน

เป็นเรื่องช็อคมากสำหรับปิ่น เพราะเธอกำลังคิดจะเลิกกับเขาอยู่แล้ว “แต่งงานมา 5 ปี ปล่อยท้องตลอด ก็ไม่มีลูก แต่พอปีสุดท้ายที่ไม่โอเคกันมากๆ ลูกมาเลย” พอรู้ตัวว่ามีลูกแล้วปั๊บ ปิ่นคิดเลยว่า “เราต้องเลี้ยงลูกได้ด้วยตัวเองนะ เราต้องมีความสุขด้วยตัวเองให้ได้” เพราะเธอไม่คาดหวังว่าเขาจะเป็นพ่อที่ทุ่มเทอะไรเพื่อลูกขนาดนั้น แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอดูแลตัวเองล้วนๆ ตั้งแต่ตอนท้อง จนถึงตอนคลอด ระหว่างท้องปิ่นก็ใช้ชีวิตไปตามปกติ ไม่ดราม่า ไม่ร้องขออะไร แล้วปิ่นก็ตั้งใจว่าจะคลอดเองคนเดียวแล้วกัน “ตอนจะคลอด เขาไม่ได้มา เพื่อนมาอยู่ด้วยแทน ซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้กิน แล้วน้ำเดิม แล้วก็คลอดเลย”

รู้ตัวเลยว่าเราเป็นซิงเกิล มัมแน่นอน!

พอคลอดลูกแล้วกลับบ้านได้ ปิ่นมาอยู่บ้านอีกหลังคนเดียวในบริเวณเดียวกับบ้านแม่ ปิ่นบอกว่ารู้สึกเลยว่า “เราต้องเป็นซิงเกิลมัมแน่ๆ ทำใจเลย” แล้วเธอก็ได้ดูแลลูกคนเดียวล้วนๆ ของจริง “สามเดือนคือเลี้ยงลูก ให้นม ทำงานบ้าน ล้างขวดนม ซักผ้า ทำทุกอย่าง เยินเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยบิ๊วด์ได้” ปิ่นบอกเรื่องที่ไม่ยอมแน่นอนเลยคือความสวย เธอตั้งใจไว้เลยว่าเจอกันแน่ อาการที่เกิดกับเธอตอนหลังคลอดก็คือ “ผมร่วงแบบแหว่งไปเลย แล้วก็เหนื่อยมาก” ตอนนั้นเธอไม่ได้ทำงานประจำแล้ว แต่ตั้งบริษัทรับงานเล็กๆ ของเธอ “คิดเหมือนกันว่าหรือเราจะหยุดทำงานเลยดี แต่เอ! เดี๋ยวไม่มีเงิน ก็เลยยังทำอยู่ดีกว่า” ปิ่นเป็นซิลเกิลมัมที่ไม่มีพี่เลี้ยง ทุกอย่างของลูกเธอเลยลุยเดี่ยวหมด และเธอใช้เซนส์ในความเป็นแม่เลี้ยงลูก

“เลี้ยงลูกแบบเชื่อในเซนส์ตัวเอง จากที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นแม่ได้ ไม่เคยเข้าใจความรักของแม่ พอผ่านไปไม่กี่เดือน ถึงแก่นเลย จนเพื่อนยังบอกว่า ไม่คิดว่าเราจะเป็นแม่ได้ขนาดนี้” สไตล์การเลี้ยงลูกของปิ่นคือชิลล์มาก ไม่นอยด์อะไรเลย พอถามถึงพ่อของลูกล่ะ? “เขาไม่ได้มาร่วมเลี้ยงลูกอะไรกับเรา มีมาค้างบ้างช่วงลูกคลอดแรกๆ แต่ก็ไม่ได้พยายามช่วยเราเลี้ยงลูกอะไร จนมีอยู่วันหนึ่งลูกอายุหนึ่งขวบ เราเลี้ยงแบบไม่ได้ให้ลูกดูยูทุบอะไร ลูกก็เล่นของเขาไป แล้วพ่อมาหาลูก ภาพที่เห็นคือ ของเล่นกระจัดกระจาย ขนมหก และลูกนั่งดูยูทุบอยู่ เราปรี๊ดเลย” ปิ่นเลยใจเด็ดที่สุด บอกเขาไปว่า “เราคงเลี้ยงลูกคนละแนวกัน เราเทรนของเรามาดีๆ ลูกยังเล็กอยู่มาก เลยบอกว่าขอหย่าขาดกันจริงๆ เลยแล้วกัน” แต่ปิ่นก็ให้พ่อมาหาลูกได้ตามที่เขาอยากมา แต่ไม่ต้องค้างจะดีกว่า ช่วงแรกๆ ลูกจะถามถึงพ่อเหมือนกัน แต่ปิ่นบอกก็ให้ลุงพี่ชายของเธอมาเล่นกับลูกแทนพ่อ ผ่านไปหกเดือน ลูกก็ไม่ได้ถามถึงพ่ออีก พร้อมๆ กับที่พ่อก็ไม่ได้มาหาลูกอีกเลย

พ่อไม่อยู่ แต่ลูกเป็นเด็กที่สดใสมาก

“เราเชื่อว่าลูกเราโอเคนะ เขาแฮปปี้สดใสดี ไม่เคยเห็นเขานั่งซึม นั่งเศร้าคิดถึงพ่อเขาเลย” ปิ่นบอกว่าความรักของเธอ ของครอบครัวเธอ ลูกได้รับเต็มร้อย ไม่มีอะไรขาดไปแน่ๆ เธอสอนลูกแบบคุยกับลูกตลอด “ปิ่นคุยกับเขา สอนเขาเยอะ เขาค่อนข้างเชื่อเรา ไม่เหวี่ยงเราเลยนะ ลูกกินข้าวเป็นมื้อๆ ถ้าจะกินขนมก็ต้องมาถามแม่ก่อน ไม่ติดมือถือ บอกรักแม่ตลอด เขาจะสวีทมาก เวลาเราไม่อยู่ก็จะถามว่าแม่ไปไหน แค่ไปห้องน้ำ เขาก็บอกว่าคิดถึงแม่นะ เขาจะมีคำพูดที่เราไม่คิดว่าเขาจะพูดอย่าง ป๊ากรักแม่จัง”

มาถึงเรื่องค่าเทอม ดูแลได้เหมือนกัน

หลังจากเลี้ยงลูกไปได้สักพัก ปิ่นก็ยังรับงานฟรีแลนซ์อยู่ มีรายได้ต่อเดือนเพียงพอเลี้ยงลูกแน่นอน เธอให้ลูกเรียนที่โรงเรียนสองภาษาแถวบ้าน รับภาระเรื่องค่าเทอมคนเดียว “ค่าเทอมลูกปีละแสน ปิ่นจ่ายได้ เลือกโรงเรียนที่เราไหว แล้วก็ไม่คิดอนาคตไกลมาก แต่เรารู้ว่าเรามีเงินเก็บ พาลูกไปเที่ยวได้ แต่ไม่ถึงกับหรูหรา แล้วลูกก็ไม่เคยร้องอยากได้อะไร เขาจะเข้าใจ ไม่งอแง” น้องป๊ากดูแลตัวเองได้ตั้งแต่เล็กๆ ใส่เสื้อผ้า รองเท้าเอง กินข้าวเอง อาบน้ำเอง เข้าห้องน้ำเอง ปิ่นไม่เคยต้องขอเงินใคร เธอแมนมาก อะไรเกินตัวก็ตัดออก แต่ที่เธอไม่ยอมตัดคือความสวย ความแซ่บของเธอนี่ล่ะ

ต้องสวยสิ ถึงจะมีกำลังใจ

เป็นสิ่งที่เราเห็นปิ่นตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ เจอกันแต่ละครั้ง ปิ่นจะเปลี่ยนลุคไม่เคยซ้ำ ผมยาวสีน้ำตาลเข้ม ผมทองสั้น ชุดแนวโบฮีบ้าง สปอร์ตี้ เซ็กซี่บ้าง เธอสนุกกับอะไรแบบนี้มาก และเธอบอกว่า “ถ้าผ่านไปสักพักก็อยากมีความรักอีกครั้งนะ” แต่ครั้งนี้เธอไม่ขอต้องมาอยู่เป็นครอบครัวแล้ว เธอบอกว่าแค่เจอกันบ้างก็โอเค และเธอยืนยันว่าคงมีลูกกับใครอีกไม่ได้แล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่เธอกำลังฟิตก็คือ “อยากผอมๆ อยากแต่งตัวสวยๆ ปิ่นเลยไปวิ่งมา วิ่งตอนเช้า วิ่งมาสองเดือนละ น้ำหนักลงไป 4 กิโลกรัม แล้วก็ไม่เครียดนะ อาหารก็ไม่ได้คุมมาก เสาร์อาทิตย์ก็ไปวิ่ง ลูกจะขี่จักรยานตาม” พอหุ่นได้ ใจมาเต็มร้อยเลย ปิ่นเริ่มเอาฝันที่อยากทำมาเคาะๆ เธอกำลังคิดจะทำอะไรเล็กๆ ของตัวเองอีกเรื่อยๆ และที่เธอเน้นคือ “ต้องเป็นอะไรที่สนุก อยากทำอะไรแบบลัลล้าๆ” ปิ่นได้สมที่เธออยากแล้ว ปิ่นวันนี้แซ่บมากๆๆๆๆ อีกเดี๋ยวน่าจะมีความรักใหม่ได้ ปิ่นคือคุณแม่ที่ชิลล์จริง ใจเด็ดจริง คำว่าแฮปปี้ และเฮลธ์ตี้คือเธอเลย

ถามปิ่นว่าแล้วเป็นซิงเกิลมัม หนักหนาไหม?

เธอบอกว่า “รู้สึกชัดเจนกับตัวเองมากๆ ไม่ต้องคาดหวังมาก เหมือนเลือกอะไรได้เองมากกว่าตอนสาวๆ อีก ตอนสาวๆ เราต้องแคร์ผู้ชาย แต่ตอนนี้เราไม่แคร์เลย ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่เห็นเป็นไรเลย รู้สึกดีกับตัวเองกว่ามาก แล้วตอนนี้ชิลล์เรื่องผู้ชายนอกใจมาก มองว่าเรื่องเล็กของชีวิตเลย มันเทียบไม่ได้กับที่เรามีกันกับลูก”

ถามอีกว่าแล้วปิ่นอยากให้ลูกเป็นยังไงที่สุด? เธอบอกว่า “อยากให้เขาเป็นเด็กไม่เห็นแก่ตัวที่สุด จะสอนเรื่องนี้เขาเยอะ แล้วก็อยากให้ลูกชิลล์ ไม่ต้องเครียดกับชีวิตนะลูก เดี๋ยวลูกจะสตรองแล้วผ่านทุกอย่างไปได้เอง ยิ้มเขาไว้ลูก!”

หัวใจของซิลเกิลมัมสุดชิลล์ น้องปิ่น พาพร ตั้งตรงจิตร คุณแม่วัย 41 ปีของน้องป๊าก

Copyright 2018 www.momscream.com

Facebook MomScream

Tags: ,
4 March, 2018
Mom's Life