Health & Fitness

พี่ฉันขี้อิจฉามาตั้งแต่เด็ก พี่ไม่รักฉันเลย จนพอโตมาฉันเป็นโรคซึมเศร้า



 

อยากให้แม่ๆ อ่านเรื่องนี้ของน้องคนนี้ ถ้าเราลองคิดว่าเราเป็นเธอ เราจะรู้สึกอย่างไร เธอต้องอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ขนาดไหน ถึงค่อยๆ ดึงตัวเองขึ้นมาได้ นั่นคือความเข้มแข็งที่เธอสร้างขึ้นมาของเธอเอง ใครก็ตามที่สามารถยอมรับ และเยียวยาตัวเองได้แบบเธอ จิตใจต้องสตรองเลยทีเดียว และนั่นน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เราเองอยากให้ลูกเราเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าวันหนึ่งแม่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เราจะได้แน่ใจว่า ลูกเรารอด ลองอ่านดูนะคะ

 

เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องจริงของน้องคนหนึ่งที่สนิทกัน เรื่องมาจากว่าเธอบอกว่า “ช่วงนี้หนูเป็นดีเพรส ต้องไปหาหมอ” หลังจากนั้นสามเดือนเลยขอคุยกับเธอ ตอนแรกคิดว่าเธอเป็นดีเพรสเพราะเลิกกับแฟน แต่ไม่ใช่เลย “หนูมีพี่สาวที่อยากบีบคอหนู พี่เกลียดหนูมาก” พอประโยคนี้จากเธอมาปั๊บ ใจเราร่วงเลย พี่สาวเธอเป็นผู้หญิงทำงานที่ดูภายนอกไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วมีสภาพจิตไม่ปกติ ถ้าเมื่อไหร่เห็นน้องมีความสุขจะทนไม่ได้ บางครั้งทนไม่ได้ถึงขนาดเข้าไปทำร้ายน้อง และบีบคอน้องเกือบแย่ ทำให้เธอต้องแยกกันอยู่กับพี่สาว พ่อแม่เป็นคนดูแลพี่สาว และทุกครั้งที่เธอกลับไปเยี่ยมพี่ ก็จะต้องเจอความเหวี่ยงที่ทำให้ต้องเสียใจหนักๆ ทุกครั้ง สะสมไปเรื่อยๆ เธอเลยเป็นดีเพรส

 

“หนูเครียดสะสมตั้งแต่เด็ก พี่สาวหนูมีพฤติกรรมเชิงก้าวร้าว และอิจฉาน้อง เราห่างกัน 6 ปี หนูไม่รู้สึกว่าเขารักหนูเลย เวลาเห็นพี่น้องคนอื่นจะรู้สึกตลอดว่ ดีจังเลย เขาเอื้ออาทรต่อกันเนอะ แต่เราไม่มีอะ จะถูกพี่รังแกแต่เด็ก พี่สาวเราแกล้งเอาลูกพี่ลูกน้องสองคนไปเล่น ปล่อยเราคนเดียวไม่ให้เล่นด้วย เรารู้สึกตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ เราเล่นคนเดียวก็ได้ แตรู้สึกตลอดว่าทำไมเกลียดเราจัง แล้วจำได้ว่าเราอยู่ปอสี่ เค้าอยู่มอสี่ วันนั้นอยู่ด้วยกันสองคน เค้าบีบคอเรา แล้วย่าเดินมาเห็น ย่าทักว่าทำอะไรน้อง เค้าก็ปล่อย หลังจากนั้นก็กลัวพี่ไปเลย”

 

หลังจากนั้นพอโตขึ้นมาก็มีเหตุการณ์ที่พี่สาวเธอบีบคอเธอตอนโตอีก และที่ทำให้เธอตัดสินใจว่าต้องออกจากบ้านก็คือ พี่สาวเธอบีบคอแม่จนแม่พูดประโยคว่า “แม่เกือบแย่ แม่คิดว่าแม่จะตายแล้ว” เธอเปลี่ยนมาเป็นนานๆ กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ที บางครั้งพี่สาวเธอก็ใจดีใส่ แต่บางครั้งก็เป็นหนักเหมือนเดิม ไปเรื่อยๆ อาการดีเพรสของเธอก็เริ่ม บ้านหมุน อาเจียน ควบคุมอารมณ์เศร้าไม่ได้ ร้องไห้เหมือนเด็กๆ ไม่อยากเจอทุกคนที่รัก กรี๊ด แต่ข้อดีคือเธออยากทำทุกอย่างให้หาย โชคดีเธอไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าเธอเป็นเคสที่รู้ตัว มีสติ หมอช่วยรักษาเธอ บวกกับเธอหากิจกรรมให้ตัวเอง ไปแคมป์ปิ้ง เดินเขา ทำงานประดิษฐ์ วิ่ง ขี่จักรยาน ในที่สุดเธอก็หาย

 

พอมานั่งคุยกัน สาวไปถึงเรื่องว่าทำไมพี่สาวเธอถึงเป็นแบบนี้ ทั้งแม่ หมอของเธอ หมอของพี่สาวคิดว่าตัวทริกเกอร์พี่สาวเธอเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ เขาอาจมีภูมิคุ้มกันจิตใจไม่แข็งแกร่ง และตอนเด็กๆ พี่สาวถูกให้ปู่กับย่าเลี้ยง แต่พ่อแม่ของเธอเลี้ยงเธอ พี่สาวไม่เข้าใจตั้งแต่ตอนนั้น คิดว่าทำไมพ่อกับแม่ทิ้งเธอ และเริ่มอิจฉาน้อง อิจฉาเพื่อนๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถามเธอว่าหนึ่งสิ่งที่นึกถึงความเป็นพี่สาว เธอบอกว่า “ขี้อิจฉา” เพื่อนมีของใหม่อิจฉาถึงขนาดต้องเอาของเพื่อนไปซ่อน และทนไม่ได้ถ้าเธอมีความสุข

 

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ปู่และย่าตามใจพี่สาวมาก ถ้าพ่อกับแม่ดุพี่เธอเมื่อไหร่ ปู่กับย่าจะเข้ามาอุ้มไปโอ๋ทันที และอีกหลายเรื่องที่เหมือนพ่อจัดการชีวิตให้พี่สาวเธอ มีช่วงหนึ่งพ่อไม่บอกความจริง แล้วเอาพี่สาวไปปล่อยให้เรียนอยู่ต่างจังหวัด ทำให้เธอยิ่งคิดว่าถูกทิ้ง ทำให้พี่สาวโตมามีจิตใจก้าวร้าว อาการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หมอลงความเห็นว่าพี่สาวของเธอเป็นไบโพลาร์ที่รุนแรงอยู่เหมือนกัน สิ่งที่พ่อแม่เธอทำได้ทุกวันนี้คือเงียบ และนิ่งที่สุด “แม่ทุกข์มาก แม่บอกว่าเวลาเจอพี่ให้เงียบไว้ แม่บอกว่าใครตายก่อนคนนั้นชนะ เพราะครอบครัวเราทุกข์มาก” เธอเคยซื้อของมาฝากพี่สาวครั้งหนึ่ง ถูกเอาข้าวของปาใส่ สิ่งที่เธอทำได้คือนั่งนิ่งๆ ให้พี่ปาไปเรื่อยๆ

 

เรื่องของน้องคนนี้ยังไม่จบ เธอยังคงใช้ชีวิตเป็นสาวทำงานตามปกติ และมีชีวิตอีกด้านที่เป็นโลกที่เธอรัก ไปเดินป่า แคมป์ปิ้ง เธอหายสนิทจากดีเพรสแล้ว และได้เรียนรู้ที่จะอยู่แบบยอมรับ และรักตัวเองจริงๆ เธอดูแลทุกคนอยู่ห่างๆ เป็นลูกที่น่ารัก เป็นน้องที่รักและเป็นห่วงพี่เสมอ เป็นเพื่อนที่อบอุ่นน่ารักของเพื่อนๆ เรื่องของเธอทำให้เรารู้สึกเลยว่า “หัวใจของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน” เราไม่สามารถเอาสแตนดาร์ดของเราไปใส่ลูก เอาความคิด ความเชื่อของเราไปใส่ลูกได้ เพราะเราไม่รู้ว่าหัวใจลูกจะต้านทานอะไรได้แค่ไหน

และทำให้เรารู้ว่าเราจะเลี้ยงลูกให้มีความสุขอย่างเดียวไม่พอ เราต้องให้ลูกมีสติ รักตัวเอง และเข้าใจหัวใจคนอื่นด้วย เขาจะได้ทั้งมีความสุข และสตรอง เผื่อแผ่พลังงานดีๆ ของตัวเองไปให้คนรอบข้างได้อีกด้วย

 

มัมสกรีมขอขอบคุณเรื่องราวของน้องคนนี้ เธอทำให้เราต้องหันกลับมามองตัวเอง และลูกตัวน้อยข้างๆ อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

 

LIKE US : Facebook.com/Momscream

© Copyright 2018 www.momscream.com
Tags: ,
5 December, 2018
Health & Fitness